รมว.อุตสาหกรรม ลงพื้นที่ระยอง เปิดหน้าดินเดินหน้าก่อสร้างคลังน้ำมันแห่งใหม่ พร้อมระบุโครงการดังกล่าวจะช่วยส่งเสริมความมั่นคงและยั่งยืนด้านพลังงานและเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในระดับภูมิภาครองรับความต้องการเชื้อเพลิงของภาคขนส่งและคมนาคมในพื้นที่ EEC
เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 5 พ.ย.นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้เดินทางไปเป็นประธานเปิดหน้าดินเดินหน้าก่อสร้างและติดตามความก้าวหน้าโครงการคลังน้ำมันและท่อส่งน้ำมันเชื้อเพลิงของ บ.เอ็นเอฟซีที จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 2 ถนนไอ-สอง นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ต.มาบตาพุด อ.เมือง จ.ระยอง มีนางสาวสมจิณณ์ พิลึก ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย นายชาญนะ เอี่ยมแสง ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง และนายณัฐพงษ์ รัตนสุวรรณทวี กรรมการผู้จัดการใหญ่ บ.เอ็นเอฟซีที จำกัด ให้การต้อนรับ
ข่าวน่าสนใจ:
- เพชรบูรณ์ - "ยุพราช"ชี้! นักการเมืองไม่จำเป็นต้องรวย แค่เคียงข้าง ปชช.ไม่ทุจริตโกงบ้านเมืองก็พอ
- รมว.วธ. ยินดีกับ “หลานม่า”เข้ารอบชิงรางวัลออสการ์ครั้งที่ 97 เป็น 1 ใน 15 เรื่องสุดท้าย
- "ทักษิณ"ติดธุระงดร่วมงานบรรจุศพ สจ.โต้ง ส่วน สจ.จอย ภรรยา สจ.โต้งจะลงสมัครนายก อบจ.ปราจีนบุรี
- ชิง ส.อบจ.เพชรบูรณ์ ส่อเดือด! นักการเมืองรุ่นใหม่ทยอยเปิดตัว ท้าชนแชมป์เก่า
ทั้งนี้โครงการดังกล่าว บ.เอ็นเอฟซีที จำกัด ได้ทุ่มงบประมาณ 2,570 ล้านบาท ก่อสร้างบนพื้นที่ 43 ไร่ โดยปัจจุบันความก้าวหน้าโครงการก่อสร้างไปแล้วกว่าร้อยละ 50 โดยมีคลังน้ำมันจัดเก็บน้ำมันประเภทแก๊สโซลีน ชนิด RBOB91 และ RBOB95 จำนวน 6 ถัง มีความจุน้ำมันรวม 90 ล้านลิตร มีความสามารถในการส่งต่อน้ำมันผ่านระบบท่อไปสู่ปลายทางถึง 650 ล้านลิตรต่อปี และมีท่าเทียบเรือรองรับเรือขนส่งน้ำมันขนาดกลางได้ถึง 50,000 ตันกรอส
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า โครงการดังกล่าวจะช่วยส่งเสริมความมั่นคงและยั่งยืนด้านพลังงานของประเทศไทย เพิ่มศักยภาพในการแข่งขันในระดับภูมิภาครองรับความต้องการเชื้อเพลิงของภาคการขนส่งและคมนาคม และสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจตามนโยบายรัฐบาลด้านต่างๆ รวมทั้งยังสามารถเพิ่มประสิทธิภาพของระบบโลจิสติกส์ของประเทศได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้ประเทศไทยก้าวไปสู่การเป็นศูนย์กลางพลังงานที่สำคัญของภูมิภาคอาเซียนอย่างแท้จริง ทั้งนี้เชื่อมั่นว่าเมื่อโครงการแล้วเสร็จจะเป็นประโยชน์การลดต้นทุนด้านพลังงาน และเพิ่มขีดความสามารถของประเทศ ทั้งยังสอดคล้องกับการยุทธศาสตร์ของประเทศ สอดคล้องกับพื้นที่ซึ่งเป็นพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ที่รัฐบาลได้ให้ความสำคัญมาโดยตลอด.
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: