พบคราบน้ำมันเป็นฟิล์มบาง ๆ กระจายตัวในทะเล บางส่วนอาจไปถึงเขาแหลมหญ้า และเกาะเสม็ด ชาวประมงต้องจอดเรือรอการต้อนคราบน้ำมันเข้าบริเวณก้นอ่าวช่วงท้ายสุดของหาดแม่รำพึงปกป้องพื้นที่เกาะเสม็ด
วันที่ 30 มกราคม 2565 เวลา 15.00 น. ที่ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์จังหวัดระยอง นายชาญนะ เอี่ยมแสง ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง พร้อมด้วย พลเรือโท ปกครอง มนธาตุผลิน
โฆษกกองทัพเรือ เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารเรือ พลเรือโท พิชัย ล้อชูสกุล ผอ.ศูนย์ควบคุมการปฏิบัติการในการป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมัน ทัพเรือภาคที่ 1 ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 และเรือโท ธนวัฒน์ รุจะศิริ พิธีกรภาษาอังกฤษ ร่วมแถลงข่าวความคืบหน้าการขจัดคราบน้ำมันกรณีพบน้ำมันดิบรั่วไหลบริเวณทุ่นผูกเรือน้ำลึกแบบทุ่นเดี่ยวกลางทะเลหรือจุดขนถ่ายน้ำมันในทะเล (SPM)
สำหรับสถานการณ์ในวันนี้ จากการสำรวจเช้าวันที่ 30 ม.ค. อากาศยานพบคราบน้ำมันเป็นฟิล์มบาง ๆ กระจายตัวในทะเล บางส่วนเคลื่อนตัวไปทางแหลมแม่พิมพ์ และหาดแม่รำพึง หินดำ และบางส่วนอาจไปถึงเขาแหลมหญ้า และเกาะเสม็ด ผลการปฏิบัติการ 4 วัน ตามแผนที่กำหนดไว้ความรุนแรงระดับ 2 มีการโปรยสารทั้งจากทางเรือและทางอากาศ เมื่อมีคราบน้ำมันขึ้นฝั่งจะมีหน่วยเคลื่อนที่เร็ว เก็บคราบน้ำมัน โดยเป็นการดำเนินการร่วมกันระหว่างกองทัพเรือ นาวิกโยธิน บริษัท SPRC และ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณาภัยจังหวัดระยอง ขณะนี้ น้ำมันที่ยังค้างในทะเลหากทำปฏิกริยากับสารขจัดคราบน้ำมันแล้ว จะย่อยสลายภายใน 8-10 วัน จะกลายเป็นคราบคาร์บอน ส่วนที่เป็นฟิล์มบางๆ บางส่วนอาจจะระเหยไป ส่วนที่ขึ้นฝั่งก็จะถูกนำไปกำจัด และจะมีการทำความสะอาดชายหาดบริเวณดังกล่าวโดยเร็ว คาดว่าอีกประมาณ 1 สัปดาห์จะเหลือคราบน้ำมันในปริมาณที่น้อยมาก
ขณะที่ บริเวณก้นอ่าวซึ่งอยู่ช่วงท้ายสุดของชายหาดแม่รำพึง ชาวประมงเรือเล็ก จำนวนมาก ต่างพากันนำเรือเข้ามาจอด รวมกว่า 60 ลำ นายธนู ทิพย์มณี อายุ 67 ปี รองประธานกลุ่มประมงคอกแหลมเทียน บอกว่า ได้รับการประสานจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขอความร่วมมือหยุดออกเรือเพราะในค่ำคืนนี้ จนถึงรุ่งเช้า อาจมีคราบน้ำมันไหลเข้ามาในพื้นที่ ก้นอ่าวซึ่งชาวประมงเข้าใจดีว่าหากปล่อยให้น้ำมันเข้าไปยังเกาะเสม็ดจะส่งผลกระทบมากกว่าปล่อยให้เข้ามาบริเวณก้นอ่าว ซึ่งควบคุมได้และการจัดเก็บก็ง่ายกว่าจึงยินยอม เพราะเจ็บแล้วจบ
