เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 24 ม.ค.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หรือเต้ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ อดีต ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ อดีตโฆษกและกรรมาธิการการทหาร สภาผู้แทนราษฎร และอดีตเลขาธิการคณะกรรมการภาคีเครือข่ายต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นแห่งชาติ พร้อมทีมงานได้เดินทางไปตรวจสอบโครงการขุดลอกอ่างเก็บน้ำคลองบางไผ่ ระยะที่ 1 ฝั่ง อ.บ้านฉาง จ.ระยอง ของกองทัพเรือ โดยการดำเนินการจ้างบริษัทเอกชนเข้ามาดำเนินการ งบประมาณ 65 ล้านบาท รับผิดชอบโดยฐานทัพเรือสัตหีบ เพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้หน้าแล้ง โดยได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่า โครงการดังกล่าวไม่ชอบมาพากลหลายประเด็น โดยมี น.อ.จตุรงค์ สุขเกษม หัวหน้ากองพระธรรมนูญ ฐานทัพเรือสัตหีบ ให้การต้อนรับ พร้อมชี้แจงวัตถุประสงค์โครงการขุดลอกอ่างเก็บคลองบางไผ่และการว่าจ้างบริษัทเอกชนเข้ามาดำเนินการให้ได้รับทราบ
นายมงคลกิตติ์ กล่าวว่า หลังจากได้ดูสัญญาจ้างแล้ว เป็นลักษณะที่ไม่ได้ใช้งบประมาณแผ่นดิน แต่เป็นสัญญาการขายดินมาโปะเป็นค่าจ้างการขุดลอกคลองบางไผ่ ซึ่งตอนร่างสัญญาน่าจะมีปัญหา ต้องไปดูสัญญาที่ทำกับเอกชนมาดำเนินการของ ผบ.ฐานทัพเรือสัตหีบคนเดิม มีการเข้าใจทรัพยากรมากน้อยเพียงใดในการขุดลอกตรงนี้ อย่างเช่นกรมชลประทาน เวลาขุดลอกคลอง ก็จะมีราคากลางขุดลอกไปเลย ดินที่ขุดมาก็จะไม่ไปไหน ไม่มีการขาย แต่ขุดคลองบางไผ่ จะเป็นลักษณะไม่ได้ใช้เงินแผ่นดิน โดยใช้เงินจากการขายดินมาเป็นค่าจ้างแทน ซึ่งเงื่อนไขการเซ็นสัญญามี 2 เหตุผลคือ 1.ไม่รู้ และ 2. มีเจตนาพิเศษ ซึ่งก่อนที่จะร่างสัญญาได้ต้องมี คกก.ในการร่างทีโออาร์ขึ้นมา ว่าค่าขุด และค่าจากการขายของได้เท่าไร ในร่างสัญญาเดิมจะต้องเขียนว่าอิฐ หิน ดิน ทรายเท่าไหร่ ต้องดูในร่างสัญญาเดิมว่ามีการประเมินเฉพาะดินหรือไม่ตอนนั้น ซึ่งเขามองว่าค่าขุดดิน ขายดินเท่าไหร่ก็โปะค่าจ้างไปเลยซึ่งมีขายมูลดินไปคิวละ 20.44 บาท ได้ 80 กว่าล้านบาท ค่าจ้าง 60 กว่าล้านบาท ซึ่งหักลบกันได้กำไรอยู่เกือบ ๆ 20 กว่าล้านบาท แต่สุดท้ายแล้วพอมาดูหน้างานจริง ๆ มูลดินแทบจะมองไม่เห็นเลย เห็นมีแต่เครื่องดูดทรายทั้งนั้นเลย และในรายละเอียดสัญญาแนบท้ายมีค่าขายทรายด้วย ซึ่งการขุดดิน จะต้องมีการแยกอิฐ หิน ดินทรายว่าราคากลางเท่าไหร่ ก่อนตีกลับมาเป็นเงินให้ส่วนราชการ ค่อยไปหักกับค่าจ้าง ซึ่งหากทำแบบนี้จะทำส่วนราชการมีรายได้จำนวนมาก สิ่งที่ตนจะเสนอแนะก็คือ อยากให้ ผบ.ฐานทัพเรือสัตหีบคนปัจจุบัน ตรวจสอบสัญญาและร่างทีโออาร์เดิมให้เป็นปัจจุบันว่าถ้าเห็นเสียเปรียบแบบนี้ควรยกเลิกสัญญานี้หรือไม่อย่างไร เพราะว่า สัญญานี้ดูค่อนข้างเสียเปรียบเอกชนผู้รับจ้าง ถ้าหากสมมติไม่ยกเลิกสัญญาบอกว่าร่างสัญญานี้มาโดยชอบด้วยกฎหมาย บริษัทไม่รู้ ทัพเรือไม่รู้ เพราะฉะนั้นแล้วถ้ารู้ก็ต้องแก้ไขในรายละเอียดแนบท้ายสัญญาว่าควรที่จะต้องหารือ สตง. กำหนดขายให้ได้ราคา และในราคาที่เหมาะสม โดยให้บริษัท และภาครัฐไปได้ ซึ่งถ้าแก้ไขสัญญาแล้วจะไม่ผิด ถ้ายังรู้แต่ไม่แก้ หรือยกเลิกประมูลใหม่ เมื่อ สตง.มาตรวจสอบก็อาจจะะมีความผิดตามมาตรา 157 หรือสมรู้ร่วมคิดกับบริษัทเอกชนได้ แต่ถ้าไม่รู้ก็ไม่ผิดในช่วงที่มีการเซ็นสัญญา แต่อย่างก็ตามเท่าที่ตรวจสอบสัญญามีการเขียนไว้หลวมมาก ทำให้ส่วนราชการเสียหาย เพราะฉะนั้นขอให้ ผบ.ฐานทัพเรือสัตหีบ ระงับสัญญาก่อน และหยุดดำเนินการขุดลอกอ่างเก็บน้ำคลองบางไผ่ไว้ก่อน เพื่อตรวจสอบและเขียนสัญญาใหม่ ถ้าบริษัทเดิมจะดำเนินการต่อและให้ประโยชน์กับภาครัฐเยอะ ก็เชิญอัยการจังหวัด สตง.มาร่วมเขียนสัญญาใหม่ ในการดำเนินการขั้นต่อไป ตนจะทำหนังสือถึง ผบ.ฐานทัพเรือสัตหีบให้ทบทวนสัญญาใหม่ เพื่อไม่ให้หน่วยงานภาครัฐเกิดความเสียหาย และเสียประโยชน์ต่อไป
ข่าวน่าสนใจ:
- นนทบุรี หนุ่มวัย 24 เห็นรุ่นพี่เมา หวังดีอาสาขี่รถ จยย.ส่งบ้าน เกิด พลาดเสียหลักล้มถูกแท็กซี่ชนทับซ้ำดับคาที่
- นครพนม สุดสลดเพลิงพิโรธรุ่งวอด 9 หลัง ชาวบ้านไร้ที่อยู่ จนท.เร่งช่วยเหลือ
- สาว 31 ขับวีโก้ หวิดถูกย่างสด ไฟลุกวอดทั้งคัน พลเมืองดีช่วยทัน รอดหวุดหวิด
- นักแสดง"Endpresso ปณิธานหวานน้อย” ร่วมกิจกรรมที่สุราษฎร์ฯ
ด้าน นอ.จตุรงค์ กล่าวว่า โครงการดังกล่าวทำด้วยความรอบคอบ ทางกองทัพเรือไม่ได้คิดตัวเลขขึ้นมาเอง โดยมีแบบจากกรมทรัพยากรน้ำให้ข้อมูลตัวเลขทุกอย่าง และกรมทรัพยากรน้ำก็เคยทำงานในลักษณะแบบนี้มาแล้ว แต่อย่างไรก็ตามกองทัพเรือ พร้อมที่จะนำทั้งหมดกลับไปตรวจสอบ.
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: