X

ชุดพญาเสือ!!ลงพื้นที่ทวงคืนผืนป่า รีสอร์ทเชิงเขาแหลมหญ้า

วันที่ 19 ธค. นายพนัชกร โพธิบัณฑิต รักษาการ หัวหน้าหน่วยพญาเสือ นาย วีระ ขุนไขยรักษ์ ผอ. สวนอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และพันธ์พืช พ.จ.อ. มาโนชญ์ หมั่นสมัคร ผู้แทน กองร้อย ร.ส.ทร.2 นายประยูร พงษ์พันธ์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติ เขาแหลมหญ้า หมู่เกาะเสม็ด นำกำลังทหารรวมกว่า 50 นาย ขอตรวจเอกสารสิทธิ์ที่ดิน หมู่ 1 ตำบลเพ อำเภอเมือง ระยอง  เนื้อที่ประมาณ 2 ไร่กว่ามูลค่าหลายสิบล้าน โดยมีการปักหลักเสาปูนเป็นแนวรั้วเพื่อแสดงอาณาเขตและปลูกรีสอร์ทขนาดเล็กประมาณ 6 หลัง ซึ่ง รีสอร์ท ดังกล่าว อยู่ บริเวณตีนเขา ห่างจากทางเข้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า ประมาณ 1 กม. โดยมี นางพรพิมล คุปตจักร อายุ 38 ปี แสดงตน เป็นเจ้าของรีสอร์ทเมาน์ เทน บีช

นางพรพิมล คุปตจักร กล่าวว่า แต่เดิม นายเซ็งเหม็ง – นางสำราญ ดำรงค์เจริญ ซึ่งเป็นตา กับยาย ได้รับมรดกที่ดิน มาจาก ทวด  ที่ดินผืนนี้ ก็ตกทอดมาถึง แม่ และตนเอง ตอนแรก มีทั้งหมด จำนวน 4 ไร่ แต่ปัจจุบันเหลือ 2ไร่เศษ จึงได้ตัดสินใจสร้าง รีสอร์ทขึ้น เพราะเป็นที่ดินของ บรรพบุรุษ จริงๆ สามารถยืนยันได้ จาก ภาพถ่ายทางอากาศ และพยานบุคคล ที่บอกได้ว่า บรรพบุรุษเคยอาศัยอยู่ในที่ดินผืนนี้ ก่อนที่จะมีการจัดตั้งอุทยานเขาแหลมหญ้า ใบแจ้งความประสงค์ มีสิทธิ์ในที่ดินที่ยายทำไว้เมื่อปี 2521 ส่วนอุทยานแห่งชาติมาตั้งเมื่อปี 2024 และยังมีใบ สค 1 – ซึ่งคุณตาเคยไปแจ้งไว้ที่กรมที่ดิน และก็ภาพถ่ายทางอากาศเพื่อยืนยันว่าเราอยู่ในพื้นที่จริงเราไม่ใช่นายทุนที่พึ่งมาอยู่ครอบครัวเราอยู่กันมามากกว่าร้อยปีแล้วและหากจะมีการประกาศเขตอุทยานฯ ก็น่าจะมาประกาศในภายหลัง อยากจะขอความเป็นธรรมด้วย

นายพนัชกร โพธิบัณฑิต หัวหน้าชุดพญาเสือ กล่าวว่า กรณี เมาเทนบีช  จะ อยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้าหรือไม่ วันนี้ ได้ขอเข้าตรวจสอบและให้ผู้เป็นเจ้าของรีสอร์ทนำชี้แนวเขตที่ทำประโยชน์อยู่ในปัจจุบัน ซึ่งหากพบว่า มีการบุกรุก ก็ต้องดำเนินการ และตอนนี้ทางผู้ประกอบการขอเวลาในการรวบรวมเอกสารมาชี้แจง กับทางชุดพญาเสือ ส่วนชุดปฏิบัติการที่มาในวันนี้ ได้ตรวจสอบ สิ่งปลูกสร้างในพื้นที่ ตลอดจนการทำประโยชน์ในที่ดินทั้งหมด ซึ่งต้อรอผลการพิจารณาร่วมกับเอกสาร ที่เจ้าของจะได้นำมาแสดง

นายประยูร พงษ์พันธ์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า กล่าวว่า ในส่วนของพื้นที่อุทยานฯ กฤษฎีกามีมาตั้งแต่พ.ศ 2425 เพราะฉะนั้นในส่วนของเอกสารเกี่ยวกับที่ดินถ้ามีการซ้อนทับกัน หรือไม่อย่างไร สามารถตรวจสอบได้ ที่ผ่านมา ทางอุทยานฯ ได้ประสาน ให้เจ้าของที่ดิน นำเอกสาร มาแสดงแล้ว แต่ก็ยังไม่นำมา ขณะที่การตรวจสอบ ก็พบว่าอยู่ในเขตอุทยานเพราะฉะนั้นในการดำเนินการวันนี้ หากทางผู้ประกอบการมีหลักฐานอื่นใดก็ไปยืนยันในชั้นศาล ไม่ใช่ว่าเจ้าหน้าที่มาครั้งนี้แล้วผู้ประกอบการจะต้องเป็นฝ่ายผิดเสมอไป  เพราะสามารถต่อสู้ลบล้างหักข้อมูลกันได้ในชั้นศาล

 

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน