กระทรวงสาธารณสุข เปิดคลินิกกัญชาทางการแพทย์ และ โครงการรับยาใกล้บ้าน ให้โรงพยาบาลระยอง เป็นหนึ่งใน 12 โรงพยาบาลรัฐนำร่อง เน้นย้ำประชาชนอย่าเสี่ยงใช้กัญชาจากตลาดมืด
เวลา 17.30 น. วันที่ 5 กันยายน 62 นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดคลินิกกัญชาทางการแพทย์ คลีนิคแพทย์แผนไทยให้บริการยาแผนไทย โดยมี นายแพทย์สุเทพ เพชรมาก ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่6 นายสุรศักดิ์ เจริญศิริโชติ ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง นายไชยวัฒน์ จตุพร นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดระยอง นายแพทย์ไชยสิทธิ์ เพชรชาตรี ผู้อำนวยการโรงพยาบาลระยอง คณะแพทย์พยาบาล หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประชาชน และผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษา ร่วมในพิธี
นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า กัญชาที่ผลิตล๊อตแรก ของกระทรวงสาธารณสุข จำนวน4,500กล่อง แจกไปยังโรงพยาบาลศูนย์12แห่งทั่วประเทศ ระยองเป็น1ใน 12 ที่ได้รับ และเปิดให้บริการกับผู้ป่วย ซึ่งผู้ป่วยต้องมาลงทะเบียนเพื่อเข้ารับการรักษา ต้องผ่านการวินิจฉัยจากแพทย์ก่อน ว่า คนไข้เข้าเกณฑ์ที่จะรับการรักษาด้วยกัญชาหรือไม่ แต่ถ้าไม่เข้าเกณฑ์ ก็จะได้รับการรักษา ที่คลินิกแพทย์แผนไทย ซึ่งโรงพยาบาลระยองเปิดคลินิกวันแรก มีคนไข้มาพบแพทย์จำนวน 51 ราย แพทย์วินิจฉัยแล้ว รักษาด้วยกัญชาได้เพียง 2 รายคือ ผ่าตัดหลัง ปวดทรมาน มาสิบปี ต้องใช้กัญชา และอีกโรค คือปวดกระดูกต้นคอ แพทย์วินิจฉัยแล้วใช้กัญชาได้
นายสาธิต ยังกล่าว ย้ำด้วยว่า กัญชาใช้เพื่อรักษาทางการแพทย์ และทางการวิจัย ซึ่งความเชื่อที่เชื่อว่า ได้ใช้กัญชาแล้วจะหายทุกโรคนั้น ต้องติดตามศึกษาข้อมูลให้ดี เพราะที่ประจักษ์กันจริงๆและมีการศึกษาข้อมูลแล้ว มีเพียง 3-4 โรค คือลมชักในเด็กและการลดปวด จึงไม่สามารถนำกัญชาไปรักษาได้ทุกโรคได้ ดังนั้นคนไข้จึงต้องมาพบแพทย์ ให้วินิจฉัยว่าจะรักษาด้วยกัญชาได้หรือไม่ และที่สำคัญที่สุดคือ อย่าไปซื้อกัญชาจากตลาดมืด ที่ขายกันอยู่ ในราคาแพง เพราะไม่รู้ว่าส่วนผสมที่ผลิตเป็นอย่างไร และมีรายงานจากกรมการแพทย์ว่า ผู้ใช้กัญชาเกินมีผลข้างเคียงในอัตราที่สูงขึ้นทุกวัน จึงแนะนำว่าให้มาพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัย อย่าใช้กัญชาจากตลาดมืด เพราะทั้งเสี่ยงและอาจเสียเงินฟรี
ส่วนนโยบายลดการแออัดในโรงพยาบาล หนึ่งในนโยบายนั้น คือการรับยาใกล้บ้าน ซึ่งมี 3 ขั้นตอน สำหรับ โรคเบาหวาน ความดัน และกล้ามเนื้อที่มีความเจ็บปวด เมื่อคนไข้มาหาหมอ ก็ต้องเข้า พิสูจสิทธิ์ หรือการลงทะเบียน จากนั้น ให้พบแพทย์ วินิจฉัยโรค แล้วก็กลับบ้านได้ ไม่ต้องรอการจ่ายยาที่ต้องเสียเวลานาน แต่สามารถเลือกที่จะรับยาที่ร้านขายยาหรือโรงพยาบาลประจำตำบลใกล้บ้าน ซึ่งจะลดความแออัดในโรงพยาบาลได้ระยะแรกประมาณ ร้อยละ 10 และตั้งเป้าให้ลดลงได้ถึง ร้อยละ 30 ซึ่งจะขยายโครงการนี้ต่อไปยังโรงพยาบาลอื่นๆ
