ขอนแก่น-สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ ทรงวางศิลาฤกษ์ศูนย์บริการการแพทย์เฉพาะทางชั้นเลิศ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
วันนี้ เวลา 15.30 น. สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิด “อาคารวิทยวิภาส” คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่นโดยเมื่อรถยนต์พระที่นั่งถึงคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ดร.สมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล รักษาการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัย ขอนแก่น ผศ.ดร.สมเกียรติ ศรีจารนัย คณบดีคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น คณาจารย์ ข้าราชการ พนักงาน นักศึกษา นายกสมาคมศิษย์เก่าคณะวิทยาศาสตร์เฝ้าฯ รับเสด็จ
ข่าวน่าสนใจ:
- วธ.จัด“ลอยกระทงวิถีไทย ปลอดภัย ใส่ใจสิ่งแวดล้อม” น้อง“หมูเด้ง” Thai Cuteness ร่วมสร้างสีสัน
- เริ่มแล้ว แข่งเรือยาวพื้นบ้านในงานหลวงพ่อโสธรชิง 4 ถ้วยพระราชทาน
- สนามแข่งบุญชิงถ้วยพระราชทานงานพ่อโสธร เจ้าถิ่นครองเจ้าสนาม 55 ฝีพาย
- ครัวคุณต๋อยยกทัพ บุกขอนแก่น จับมือศูนย์การค้าเซ็นทรัล ขอนแก่น ขนร้านอาหารชื่อดังนับร้อย มาเสิร์ฟสายกิน 11 วันเต็ม 14 - 24 พ.ย.นี้
รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล รักษาการแทน อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น กราบบังคมทูลรายงานความเป็นมาการก่อสร้างอาคารวิทยวิภาส จากนั้นได้เสด็จพระราชดำเนินไปยังแท่น ทรงกดปุ่มไฟฟ้าเปิดแพรคลุมป้าย “อาคารวิทยวิภาส” จากนั้นได้ทอดพระเนตรนิทรรศการ
อาคารวิทยวิภาส เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก สูง 5 ชั้น มีพื้นที่ใช้สอย 24,563 ตารางเมตร สร้างขึ้นเพื่อทดแทนอาคาร SC02 ที่มีสภาพทรุดโทรม โดยได้รับการจัดสรรงบประมาณก่อสร้างในปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 จำนวน 495,661,000 บาท อาคารออกแบบจากแนวคิด“สภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการเรียนรู้” มีการนำองค์ความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาใช้ในการออกแบบ เพื่อให้สามารถนำเอาพลังงานธรรมชาติมาใช้ในอาคารได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อประโยชน์ด้านการเรียนการสอนของคณะวิทยาศาสตร์ การวิจัย และการเรียนการสอนของสาขาวิชาฟิสิกส์ สาขาวัสดุศาสตร์และนาโนเทคโนโลยี และ สาขาวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์
สำหรับ“อาคารวิทยวิภาส” ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินมาทรงวางศิลาฤกษ์ ในวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ.2558 และได้รับพระราชทานชื่ออาคารที่มีความหมายว่า “อาคารที่เป็นแหล่งความรุ่งเรืองของความรู้” ทั้งพระราชทานพระราชานุญาตให้เชิญอักษรพระนามาภิไธย “ส.ธ.” ประดับเหนือชื่ออาคารเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2561
จากนั้นในเวลา 16.00 น. สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จประทับรถยนต์พระที่นั่งไปยังมณฑลพิธีพื้นที่ราชพัสดุใกล้ศูนย์หัวใจสิริกิติ์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์อาคารศูนย์บริการการแพทย์เฉพาะทางชั้นเลิศ โรงพยาบาลศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น โดยเมื่อเสด็จฯ ถึง รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล รักษาการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น กราบบังคมทูลถวายรายงานความเป็นมาของการก่อสร้างโครงการ รศ.นพ.ทรงศักดิ์ เกียรติชูสกุล รักษาการแทนคณบดีคณะแพทยศาสตร์เป็นผู้ทูลเกล้าฯ ถวายสูจิบัตร รศ.นพ.อภิชาติ จิระวุฒิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศรีนครินทร์ ทูลเกล้าฯ ถวายผ้าไหมพื้นเมืองอำเภอชนบท จังหวัดขอนแก่น ผศ.นพ.ธเนศ รังสีขจี รักษาการแทนรองคณบดีฝ่ายการคลัง พัสดุ และทรัพยากรบุคคลคณะแพทยศาสตร์ ทูลเกล้าฯ ถวายเงินโดยเสด็จพระราชกุศลตามพระราชอัธยาศัย
จากการที่คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นศูนย์กลางรับส่งผู้ป่วยของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมถึงบางส่วนของจังหวัดทางภาคเหนือตอนล่าง แต่ละปีมีผู้ป่วยจำนวนมากมาเข้ารับบริการ แบ่งเป็นผู้ป่วยนอก ประมาณ 1 ล้านคนต่อปี และผู้ป่วยใน 52,000 คนต่อปี แม้จะมีการขยายการบริการจนมีขนาด 1,400 เตียง แต่ก็ยังไม่สามารถรองรับจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นได้ ตามมติที่ประชุมสภามหาวิทยาลัยขอนแก่น เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2551 จึงได้อนุมัติหลักการให้คณะแพทยศาสตร์ศึกษาความเป็นไปได้และริเริ่มโครงการจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ เพื่อสามารถตอบสนองต่อปัญหาสุขภาพของประชาชนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อให้เป็นศูนย์กลางบริการสุขภาพชั้นเลิศ (Medical hub) ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือและอนุภาคลุ่มน้ำโขงที่สามารถให้บริการอย่างเพียงพอและเป็นการแก้ปัญหาสุขภาพที่สำคัญของภูมิภาค และใช้เพื่อการพัฒนาการเรียนการสอน การฝึกอบรมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์และสาธารณสุข พัฒนาการวิจัยด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ โดยความร่วมมือของคณะวิชาในศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพ ตลอดจนสถาบันในต่างประเทศ
อาคารศูนย์บริการการแพทย์เฉพาะทางชั้นเลิศ ประกอบด้วย อาคารสนับสนุนบริการทางการ แพทย์ อาคารจอดรถ และ อาคารเรือนพักญาติ รวมพื้นที่ใช้สอยทั้งสิ้น 197,424 ตร.ม. ใช้งบประมาณทั้งสิ้น 4,346,357,200 บาท ภายหลังการเสร็จสิ้นโครงการจะช่วยยกระดับมาตรฐานการรักษาพยาบาลให้ทัดเทียมนานาชาติ รวมถึงลดปัญหาความไม่เพียงพอของปริมาณเตียงผู้ป่วย ในด้านการเรียนการสอนจะเพิ่มศักยภาพการผลิตผู้เชี่ยวชาญทางด้านการแพทย์สาขาต่างๆ รวมถึงบุคลากรที่สำคัญทางการสาธารณสุข นอกจากนี้ในด้านของการวิจัยจะสามารถนำข้อมูลจากการดูแลผู้ป่วยมาสร้างองค์ความรู้ใหม่ๆ สร้างเครือข่ายในการทำวิจัยร่วม และสร้างงานวิจัยที่แก้ปัญหาสาธารณสุขให้ประเทศได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: