พี่ชายที่ลงมือใช้อาวุธปืนยิงน้องชายเสียงชีวิต เผยไม่เคยโกรธหรือเกลียดน้องชาย พร้อมทั้งขอโทษพ่อแม่และน้องชายกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขณะที่ทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ชาวบ้านมามุงดูด้วยความสงสาร
วันที่ 13 มี.ค. 63 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.มัญจาคีรี จังหวัดขอนแก่น ควบคุมตัวนายยอดชาย ชำนาญ ผู้ต้องหาใช้อาวุธปืนยิงนายชาญศักดิ์ ชำนาญ น้องชายเสียชีวิต ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ บริเวณที่เกิดเหตุในไร่มันสำปะหลัง ริมถนนสายบ้านโคกสูง-นางาม ท่ามกลางชาวบ้านจำนวนมากที่มามุงดูด้วยความสงสารผู้ต้องหาที่ต้องมารับโทษในเหตุการณ์ครั้งนี้
โดยตำรวจนำผู้ต้องไปหาไปยังจุดแรกริมถนน ซึ่งผู้ต้องหาได้ขับรถกระบะมาจอด จากนั้นได้เดินข้ามไปยังไร่มันสำปะหลังอีกฝั่ง เพื่อพุดคุยกับผู้ตาย จุดนี้เองที่ผู้ต้องหา ยอมรับว่ามีปากเสียงกับผู้ตาย ก่อนที่ผู้ตาย จะใช้อาวุธปืนยิงมาที่ตนเองก่อน แต่หลบทัน จึงตัดสินใจใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม. ที่อยู่ในกระเป๋าสะพาย ยิงสวนกลับไปจนถูกผู้ตายล้มลง จากนั้นได้เดินไปดูพบว่าน้องชาย เสียชีวิตแล้ว จึงเดินไปขึ้นรถกระบะกลับเข้าไปในหมู่บ้านเพื่อไปขอมอบตัวกับทางกำนันตำบลนางาม แล้วจึงเดินทางกลับมานั่งรอมอบตัวกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่บ้านญาติ ซึ่งอยู่ติดกับบ้านตนเอง และก่อนการทำแผนจะเสร็จสิ้น นายคำพวย ชำนาญ อายุ 72 ปีผู้เป็นพ่อ ที่สุขภาพไม่แข็งแรงนักได้เดินเข้ามากอดและจับมือลูกชายพร้อมทั้งกล่าวยกโทษพร้อมทั้งให้กำลังใจลูกชาย ว่าไม่ต้องเป็นห่วงพ่อกับแม่ พร้อมทั้งขอให้ตำรวจช่วยลูกชายให้ได้รับการประกันตัวและโทษทางคดีไม่รุนแรง
นายยอดชาย ผู้ต้องหากล่าวเพียงสั้นๆว่า ตนเองไม่ได้รู้สึกโกรธหรือเกลียดกับน้องชาย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต้องขอโทษ พ่อ แม่ และน้องชาย พร้อมทั้งให้ทุกคนยกโทษและอโหสิกรรมในการกระทำครั้งนี้ด้วย ส่วนรายละเอียดของคดีขอให้การในชั้นศาลเท่านั้น
ด้านนางยุพิน ดวงธรรมมา อายุ 40 ปี กล่าวว่า ตนเองเองและสามีและลูกชายอีก 2 คน ทำมาหากินอยู่กรุงเทพมหานครหลายปีแล้ว จะกลับมาบ้านปีละไม่กี่ครั้งแต่จะส่งเงินมาจุนเจือครอบครัวอยู่เป็นประจำไม่เคยขาด ทุกครั้งที่กลับมาบ้านสามี มักจะมีเรื่องไม่สบายใจ เนื่องจากผู้ตาย จะก่อเรื่องวุ่นวายอยู่เป็นประจำ และบางครั้งก็มีปากเสียงกัน หลายครั้งผู้ตาย เสพยาบ้าเมาแล้วอาละวาด มักจะใช้ความรุนแรงขู่ทำร้ายร่างกาย พ่อกับแม่บ่อยครั้ง กระทั่งล่าสุดที่สามีตนเองกลับมาบ้านก็หวังที่จะมาช่วยพ่อแม่ ทำไร่มันสำปะหลังเพราะมีอายุมากแล้ว แต่กลับมีเรื่องทะเลาะกับน้องชายเรื่องที่ดิน ก่อนจะมาเกิดเหตุการณ์ขึ้น ยอมรับว่าเสียใจที่สามีต้องมากลายเป็นผู้ต้องหา แต่เชื่อว่าสามีไม่มีทางเลือกอื่น จึงเลือกที่จะจบปัญหาทุกเรื่องด้วยตัวเอง
ด้านพันตำรวจเอกยุทธการ โสเมือง ผู้กำกับการ สภ.มัญจาคีรี กล่าวว่า หลังจากพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานเสร็จแล้ว จะได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมสำนวน ส่งไปฟ้องต่อศาลจังหวัดขอนแก่น ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและพกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร ซึ่งทางญาติสามารถนำทรัพย์สินหรือเงินสดจำนวน 3 แสนบาท มาขอยื่นประกันตัวต่อศาลได้ ซึ่งทางพนักงานสอบสวน ก็ได้ให้คำแนะนำกับญาติไปแล้ว และในทางคดีตำรวจจะทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาและให้ความเป็นทำกับทุกฝ่าย
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: