ขอนแก่น – ม.ขอนแก่น จัดพิธีปลูกกัญชงในไร่ หวังวิจัย ประเมิน และพัฒนาสายพันธุ์เพื่อการแพทย์และอุตสาหกรรม คาดจะเป็นพืชเศรษฐกิจที่ทำรายได้สูงแก่ประเทศในอนาคต
รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นประธานในพิธี “กัญชงลงแปลง” ซึ่งเป็นพิธีปลูกกัญชงเพื่อการวิจัยและพัฒนาสายพันธุ์แปลงปฐมฤกษ์ สถาบันวิจัยแคนนาบิสครบศาสตร์ โดยมีคณะผู้บริหารมหาวิทยาลัย คณบดี ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ภาค 4 ปลัดจังหวัดขอนแก่น นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น ป้องกันจังหวัดขอนแก่น ตลอดจนคณาจารย์ นักวิจัย และแขกผู้มีเกียรติ เข้าร่วมในพิธีจำนวนมาก ณ หมวดพืชผัก สาขาพืชสวน คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
ข่าวน่าสนใจ:
ศาสตราจารย์ ดร.มนต์ชัย ดวงจินดา รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและบัณฑิตศึกษา กล่าวว่า การจัดพิธี “กัญชงลงแปลง” ในครั้งนี้ ดำเนินการโดยสถาบันวิจัยแคนนาบิสครบศาสตร์ มหาวิทยาลัย ขอนแก่น ฝ่ายวิจัยและบัณฑิตศึกษา และกองบริหารงานวิจัย โดยที่สถาบันวิจัยแคนนาบิสครบศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น มีภารกิจหลักในการดำเนินโครงการวิจัยกัญชงกัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์และอุตสหกรรมที่เกี่ยวข้อง และมีแผนที่จะดำเนินงานวิจัยพืชกัญชงและกัญชาแบบบูรณาการครบศาสตร์ จากต้นน้ำ กลางน้ำ จนถึงปลายน้ำ
เริ่มตั้งแต่ทีมคณะเกษตรศาสตร์ทำการศึกษาวิจัยด้านการปลูก ปรับปรุงพันธุ์ และพัฒนาสายพันธุ์ ทีมคณะวิทยาศาสตร์ดำเนินการศึกษาวิจัยสกัดน้ำมันกัญชงและกัญชา วิเคราะห์สารองค์ประกอบสำคัญ ทีมจากคณะเภสัชศาสตร์ดำเนินการวิจัยและพัฒนาเพื่อเตรียมรูปแบบ ขนาด ผลิตภัณฑ์ยา เพื่อส่งต่อให้ทีมคณะแพทยศาสตร์ นำไปวิจัยด้านคลินิกในผู้ป่วยเฉพาะโรค เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ยาที่รักษาเฉพาะโรค หรือเฉพาะรายบุคคล หรือ personalized medicine และทีมคณะสัตวแพทย์ มีการศึกษาวิจัยด้านการนำวัสดุเศษเหลือจากการศึกษาวิจัยด้านต่างๆ ไปพัฒนาเป็นอาหารสัตว์”
“ขณะนี้มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้รับหนังสือแสดงการอนุญาตผลิต (ปลูก) กัญชง (ตามหนังสือสำคัญ ที่ 19/2563 เมื่อเดือนตุลาคม 2563) ในการปลูก เก็บเกี่ยว หรือแปรสภาพเฮมพ์ สำหรับการศึกษาวิจัยพื้นที่ จำนวน 1,664 ตารางเมตร โดยใช้เมล็ดพันธุ์จากสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) จำนวน 3 สายพันธุ์ คือ อาร์พีเอฟ 1 อาร์พีเอฟ 3 จำนวนสายพันธุ์ละ 2 กิโลกรัม และอาพีเอฟ 4 จำนวน 50 เมล็ด
กัญชงที่นำมาปลูกในวันนี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาวิจัยการประเมิน พัฒนาสายพันธุ์กัญชงเพื่อการแพทย์ และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง ซึ่งได้รับใบอนุญาตในผลิต (ปลูก) กัญชง ซึ่งมหาวิทยาลัยขอนแก่นถือเป็นที่แรกในจังหวัดขอนแก่นที่ได้รับอนุญาตให้ปลูกในการใช้ช่อดอกในการวิจัยประเมินสายพันธุ์ ซึ่งนักวิจัยได้ทำการเพาะต้นกล้าจากเมล็ดพันธุ์ ตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคม 2563 จำนวนกว่า 700 ต้น ซึ่งจะครบกำหนดย้ายต้นกล้าลงแปลงในวันนี้ โดยจะใช้ระยะเวลาประมาณ 120–150 วัน ที่จะผลิตดอกและครบกำหนดเก็บเกี่ยวดอก เพื่อนำไปวิจัย ประเมิน และพัฒนาสายพันธุ์เพื่อการแพทย์ต่อไป”
มหาวิทยาลัยขอนแก่น ในฐานะที่ได้รับหนังสือสำคัญแสดงการอนุญาตผลิตซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 เฉพาะเฮมพ์ (ตามหนังสือสำคัญ ที่ 19/2563) เชื่อว่า การศึกษาวิจัยพืชกัญชงจะเป็นประโยชน์ทางการแพทย์ รวมไปถึงการนำไปใช้ในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องด้านต่างๆ มีการส่งเสริมและถ่ายทอดองค์ความรู้เกี่ยวกับกัญชงให้กับวิสาหกิจชุมชน ชุมชน หน่วยงาน ภาครัฐบาล เอกชน และการต่อยอดสู่อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง ตามกฎหมายที่บังคับใช้ ตลอดจนเป็นสถาบันวิจัยที่เป็นศูนย์กลางข้อมูล เพื่อเผยแพร่ความรู้ ข่าวสารต่างๆ ให้กับหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และสาธารณชนของจังหวัดขอนแก่นต่อไป”
กัญชง หรือ เฮมพ์ (Hemp) ในประเทศไทยยังถูกจำแนกเป็นพืชเสพติดประเภท 5 เช่นเดียวกับกัญชา ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 เพราะพืชกลุ่มนี้มีสาร Tetrahydrocannabinol (THC) สารเสพติดที่ออกฤทธิ์กระตุ้นประสาท Cannabinol (CBN) และ Cannabidiol (CBD) สารต้านการออกฤทธิ์ของสาร THC ซึ่งในเฮมพ์มีปริมาณของสาร THC ต่ำกว่ากัญชามาก และมีสาร CBD ในเมล็ด ซึ่งปัจจุบัน งานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ได้เปลี่ยนแนวคิดเกี่ยวกับเฮมพ์จากทางลบกลายเป็นบวก
กัญชง เป็นพืชเศรษฐกิจชนิดหนึ่งที่โดดเด่นเรื่องของเส้นใย ให้ผลผลิตมากกว่าฝ้าย ให้คุณภาพสูงกว่า ใช้แรงงานในการปลูกน้อยกว่า ไม่ต้องใช้สารป้องกันกำจัดศัตรูพืชปริมาณมาก เจริญเติบโตได้ง่าย ได้รับความสนใจในการนำเส้นใยกัญชงเข้ามาทดแทนเส้นใยสังเคราะห์ทั้งหมดในอนาคต สาเหตุมาจากปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม ตลอดจนปัญหาสุขภาพ เฮมพ์อาจสร้างมูลค่านับแสนล้านจากการนำทุกส่วนของเฮมพ์ไปแปรรูปออกมาเป็นผลิตภัณฑ์หลากหลายประเภทในระดับอุตสาหกรรม เช่น สิ่งทอเครื่องนุ่มห่ม อาหารมนุษย์ อาหารสัตว์ เครื่องสำอาง ผลิตกระดาษ ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ สิ่งก่อสร้างอาคารบ้านเรือน และผลิตพลังงานชีวมวลในรูปแบบต่างๆ เป็นต้น
ทำให้ต้องมีการส่งเสริมการปลูก ผลิต และจำหน่ายมากขึ้น แต่เนื่องจากพื้นที่ปลูกในประเทศไทยมีสภาพแวดล้อม สภาพภูมิอากาศค่อนข้างร้อน ส่งผลต่อปริมาณของสาร THC โดยตรง อาจทำให้ปริมาณของสาร THC ในเฮมพ์ที่ปลูกนั้นมีปริมาณค่อนข้างสูง ปัจจุบันปลูกได้ใน 6 จังหวัด 15 อำเภอของภาคเหนือของประเทศไทย การจะเริ่มต้นปลูกเฮมพ์แบบอุตสาหกรรมเส้นใยได้นั้น ต้องเป็นไปตามที่กฎกระทรวงระบุไว้ซึ่งต้องมีปริมาณ Tetrahydrocannabinol (THC) ไม่เกินร้อยละ 1.0 ต่อน้ำหนักแห้ง การปลูกเฮมพ์จึงเน้นระยะห่างระหว่างต้นให้ใกล้กันที่สุดซึ่งจะไปกระตุ้นให้มีลำต้นยาวตรงสูงมากกว่า 2 เมตร ปล้อง หรือข้อยาว เพื่อนำเส้นใย แกนลำต้น เมล็ด และใบจากเฮมพ์มาใช้ประโยชน์
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: