ตำรวจขอนแก่นจับกุมนายโอ๋ ผู้ต้องหาก่อเหตุข่มขืนแม่ชีพราหมณ์ วัย 79 ปี พิการขาขาดนำพื้นที่ หลังหลบหนีออกจากโรงพักไปขโมยรถจักรยานยนต์ชาวบ้าน ก่อนจนมุมในกระท่อมนาของชาวบ้านห่างจากจุดที่ก่อเหตุ 2 กม. สารภาพเสพยาบ้าไป 2 เม็ดก่อนจะมาก่อเหตุ วันที่ 16 มี.ค 64 จ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสามารถจับกุมตัวนายโอ๋ได้ ขณะนั่งอยู่ในกระท่อมนาของชาวบ้าน ภายในไร่อ้อย ห่างจากสวนปฏิบัติธรรมไปประมาณ 2 กม. คุมตัวไว้พร้อมรถจักรยานยนต์คันที่ลักขโมยไปหลังวิ่งออกจากสภ.หนองเรือ คุมตัวมาสอบสวนที่สภ.หนองเรือ โดยได้ทำการสอบสวนประมาณ 1 ชม.
ภายหลังการสอบสวน พล.ต.ต.ณัฐนนท์ ประชุม ผบก.สส.ภ.4 เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า หลังถูกจับกุมและนำตัวมาสอบสวน นายโอ๋ ให้การรับสารภาพว่า ได้ทำการข่มขืนยายวัย 79 ปี ที่นอนในกระท่อมภายในสวนปฏิบัติธรรมจริง โดยก่อนเกิดเหตุได้ดื่มสุราและเสพยาบ้าด้วย 2 เม็ด ทำให้มีอารมณ์ จึงก่อเหตุดังกล่าวขึ้น ในขณะเดียวกันผู้ต้องหายังให้การอีกว่า การหลบหนีครั้งนี้ อาศัยช่วงที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเผลอ จึงเร่งรีบเดินและวิ่งหนีไปขณะที่ยังสวมใส่กุญแจมือ จากนั้นได้ขโมยเอารถจักรยานยนต์ของชาวบ้านที่เสียบกุญแจ จอดไว้ริมถนน ขับขี่หนีไปหาเพื่อนที่ไร่อ้อย อยู่กับเพื่อนจนค่ำ จึงขับขี่รถจักรยานยนต์ ตระเวนไปตามที่ต่างๆในพื้นที่ เพราะทราบข่าวจากชาวบ้านว่าตำรวจตามจับกุมตัวอยู่ จากนั้นได้กลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้านน้าในสวนกระชาย โดยหาเงินในบ้านได้เพียง 12 บาท จากนั้นไปซื้อยาเส้นที่ร้านค้าในหมู่บ้าน จำนวน 8 บาท เหลือเงินติดตัว 4 บาท ขณะซื้อยาเส้นชาวบ้านจำได้ จึงรีบขับขี่รถจักรยานยนต์หนี มาหลบที่กระท่อมในไร่อ้อย เพื่อหาข้าวกิน หิวจนหลับ ตื่นขึ้นมากำลังจะขับขี่รถไปหาขอข้าวชาวบ้านกินจึงถูกตำรวจจับกุมตัวได้
พล.ต.ต.ณัฐนนท์ ประชุม ผบก.สส.ภ.4 กล่าวอีกว่า การจับกุมนายโอ๋ในครั้งนี้ พนักวานสอบสวนได้ขอหม่ายจับจากศาลจังหวัดชุมแพแล้วจำนวน 2 หมายจับ คือหมายจับที่ จ.21/2564 ลงวันที่ 16 มีนาคม 2564 ในข้อหา ลักทรัพย์รถจักรยานยนต์ และหมายจับที่ จ.22/2564ลงวันที่16 มีนาคม 2564 ในข้อหา ข่มขืนกระทำชำเราหญิงอื่นที่มิไช่ภรรยาตน ส่วนข้อหาอื่นๆนั้น หลังการสอบสวนก็จะแจ้งข้อหาเพิ่มเติมตามขั้นตอนต่อไป นอกจากนั้นยังได้รับการประสานจาก ตำรวจภูธรนครปฐม ให้ทำการตรวจดีเอ็นเอของผู้ต้องหา เพื่อเปรียบเทียบกับคนร้ายที่เคยก่อเหตุข่มขืนฆ่าผู้สูงอายุในพื้นที่ภาค 7 ด้วย ซึ่งจากการสอบสวนในเบื้องต้นนายโอ๋ให้การปฏิเสธว่าไม่เคยก่อเหตุในพื้นที่ภาค 7 แต่อย่างใด อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ทำการเก็บดีเอ็นเอของผู้ต้องหาเพื่อส่งตรวจแล้วเช่นกัน ทางด้าน พ.ต.อ.ภพกร กวินโยธิน ผกก.สภ.หนองเรือ กล่าวถึงการที่ผู้ต้องหาให้การว่าหนีได้เพราะตำรวจเผลอนั้น ในส่วนนี้จะได้มีการปรับเปลี่ยนเจ้าหน้าที่สิบเวรยาม ให้ตำรวจที่มีคสามเข้มแข็งร่างกายคล่องแคล่วมาปฏิบัติหน้าที่ในจุดดังกล่าว เพื่อป้องกันไม่ให้มีเหตุการณ์เกิดขึ้นซ้ำอีก.
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ข่าวน่าสนใจ:
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: