ขอนแก่น – ประธานหอการค้าจังหวัดขอนแก่นชี้เห็นด้วยกับการขึ้นค่าแรง แต่วิธีการแบ่งเขตแม้จะง่ายแต่ไม่ยุติธรรมกับผู้ประกอบการที่ยังอยู่ในภาวะตึง แนะรัฐใช้บัตรสวัสดิการเพื่อสร้างแรงจูงใจ
กรณีที่มีการประกาศขึ้นค่าแรงอัตราใหม่ ที่จะมีผลในเดือนเมษายนที่จะถึงนี้ โดยจังหวัดขอนแก่นปรับขึ้นจากวันละ 308 บาทเป็นวันละ 320 บาท นายเข็มชาติ สมใจวงษ์ ประธานหอการค้าจังหวัดขอนแก่นให้สัมภาษณ์ ว่า อัตราใหม่นี้ค่าแรงขอนแก่นจะปรับขึ้นวันละ 12 บาท หรือประมาณร้อยละ 3 ในส่วนตนเห็นด้วยกับการขึ้นค่าแรง แต่มีหลายวิธีและขึ้นกับประเภทธุรกิจ เราจะใช้เป็นเขตแล้วมากำหนด มันง่ายแต่มันไม่ยุติธรรมเพราะบางธุรกิจมีความสามารถที่จะรับได้ แต่บางธุรกิจตึงหรือหนักอยู่แล้ว มันจึงไม่ยุติธรรม ง่ายแต่ไม่ถูก ถ้าใช้หลักสวัสดิการหลักการช่วยเหลืออาจจะแบ่งเป็นประเภท เช่นรัฐบาลอยากจะสนับสนุนประเภทของธุรกิจบริการ ร้านอาหาร หรือการท่องเที่ยว ก็ให้แรงจูงใจมากก อาจจะเพิ่มให้มากกว่า 3 เปอร์เซ็นต์ก็ได้ แต่ภาระนี้จะมีผู้ประกอบการและรัฐบาลรับผิดชอบกันคนละครึ่ง โดยผ่านบัตรสวัสดิการ เขื่อว่าจะทำให้จูงใจมากกว่า
“ผมเข้าใจรัฐบาลต้องการช่วยเหลือแรงงาน แต่การช่วยแบ่งเบาภาระไม่จำเป็นต้องเพิ่มค่าแรงได้อย่างเดียว อาจเพิ่มโดยการให้สวัสดิการของรัฐผ่านทางผู้ประกอบการ เช่น บัตรสวัสดิการ อาจจะ 3 เปอร์เซ็นต์หรือ 10 -20 บาทที่เพิ่มมารัฐอาจจะช่วยครึ่งหนึ่ง ผู้ประกอบการจ่ายอีกครึ่งหนึ่ง ในรูปของสวัสดิการอาจจะนำตรงนี้ไปขึ้นรถเมล์ ไปลดค่าไฟ ค่าน้ำ ค่าเล่าเรียนลูก น่าจะตรงกับนโยบายของรัฐบาล และภาระของผู้ประกอบการก็จะไม่เกิดขึ้นทั้งหมดร้อยเปอร์เซ็นต์ วิธีนี้น่าจะเป็นทางออกที่ดีแต่อาจจะยุ่งยากเรื่องการจัดการบ้างเล็กน้อย แต่การขึ้นค่าแรงให้ผู้ใช้แรงงานจะเกิดประโยชน์โดยตรงและเป็นประโยชน์ทางการเมือง ชาวบ้านก็เห็นชัดเจน แต่ถ้าให้ประโยชน์ผ่านผู้ประกอบการ โดยให้ผู้ประกอบการแบกรับภาระไปก่อน แล้วลดให้ภายหลัง ตรงนี้ก็อาจจะผลทางการเมืองอาจจะไม่เห็นชัด
ที่สำคัญขอนแก่นบ้านเราเป็นธุรกิจบริการ ในส่วนของผลตอบแทนไม่ได้อยู่ที่ค่าจ้างอย่างเดียว ยังมีสวัสดิการด้วย หมายถึงเงินพิเศษ เงินทิป มีผลพอสมควร ทั้งนี้ผลกระทบจากการขึ้นค่าแรงได้ผ่านไปแล้วตั้งแต่ปรับเป็น 300 บาท ถ้าธุรกิจไหนใช้แรงงานเป็นหลักก็จะกระทบค่อน ข้างมาก ส่วนหนึ่งผู้ประกอบการก็ได้ขยับขยายไปยังประเทศเพื่อนบ้าน แต่ปัจจัยที่สำคัญกว่าค่าแรงคือ สิทธิประโยชน์ด้านภาษี GSP ตรงนี้มีผลเพราะว่าประเทศไทยถูกตัดไปแล้ว เพราะฉะนั้นค่าแรงที่เพิ่มขึ้นมาหรือจะไม่เพิ่มก็ตาม เราสูญเสียความสามารถในการแข่งขันให้กับประเทศเพื่อนบ้านที่เป็นแต้มต่อในการนำสินค้าเข้าได้สิทธิพิเศษ สินค้าหลายตัวไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้ารองเท้า หรือสินค้าอุตสาหกรรม ถ้าผลิตจากบ้านเราจะแพงกว่าประเทศเพื่อนบ้านมากกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งค่าแรงเป็นแค่สัดส่วนหนึ่งอาจจะแค่ 10-20 เปอร์เซ็นต์ ของต้นทุนทั้งหมด เพราะฉะนั้นผมคิดว่าปัจจัยเรื่องค่าแรงไม่ได้มีผลมากแล้วในทุกวันนี้ แต่ในส่วนต้นทุนของผู้ประกอบการครั้งนี้ค่าแรงก็เพิ่มแค่ประมาณ 3 เปอร์เซ็นต์ คิดว่าเป็นเรื่องของจิตวิทยามากกว่า ที่ทำให้ผู้ใช้แรงงานมีความรู้สึกดี เปรียบเทียบกับอัตราเงินเฟ้อ แต่สิ่งที่สำคัญต้องเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ที่อยากให้ทำควบคู่ไปด้วย
“เราปรับตามกฎหมายแต่ไม่ยุติธรรมในเรื่องโครงสร้างของแรงงาน คนที่ไม่มีทักษะ ไม่มีความรู้ก็ได้ 300 บาท ส่วนคนที่มีประสบการณ์ มีความรู้มาแล้ว ทำงานมาก่อน มีวุฒิการศึกษาได้มากกว่า 300 บาทแค่นิดเดียว คนเริ่มต้นตอนนี้ได้อย่างต่ำ 9,000 กว่าบาท แต่คนที่อยู่มา 5 ปี 7 ปี อาจจะได้หมื่นต้นๆ ส่วนห่างตัวนี้จะแคบลง คนสตาร์ทใหม่ได้มากตามค่าแรงขั้นต่ำ เป็นผลเสียเพราะทำให้คนที่ทำงานมาก่อน เกิดเฉื่อยลง ขาดแรงจูงใจ” ประธานหอการค้าจังหวัดขอนแก่นกล่าว
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: