ถือเป็นส่วนหนึ่งของโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ชุมทางจิระ-ขอนแก่น ยกระดับสูงเทียบตึก 4 ชั้น สวยที่สุดในประเทศ โดยภาครัฐหวังให้เป็นศูนย์กลางระบบรางในอนาคต
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เดินทางมาเป็นประธานในพิธีเปิดสถานีรถไฟขอนแก่น ตรวจเยี่ยมความคืบหน้าการก่อสร้างโครงการทางคู่และทดลองการเดินรถในโครงการพัฒนาระบบโครงข่ายรถไฟทางคู่ (เส้นทางสายชุมทางถนนจิระ – ขอนแก่น) ณ สถานีรถไฟขอนแก่นแห่งใหม่ ท่ามกลางกลุ่มพลังมวลชน และประชาชนที่เดินทางมาต้อนรับและให้กำลังใจจำนวนนับพันคน
ที่ผ่านมา สถานีรถไฟขอนแก่นแห่งนี้ได้หยุดให้บริการ เพื่อก่อสร้างอาคารหลังใหม่เป็นระยะเวลาประมาณ 2 ปี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ระยะทาง 187 กม. ขณะนี้การก่อสร้างแล้วเสร็จและพร้อมให้บริการผู้โดยสารอย่างเต็มรูปแบบในวันนี้ สถานีรถไฟขอนแก่นถือเป็นสถานีชั้น 1 มีขนาดใหญ่เป็นพิเศษ มีพื้นที่มใช้สอยกว่า 10,000 ตร.ม. ก่อสร้างยกระดับสูงจากพื้นประมาณ 14 เมตร มี 2 ชั้น โดยชานชลาจะอยู่ด้านบนจำนวน 2 ชานชลา ส่วนชั้นล่างจะเป็นพื้นที่สำหรับควบคุมการเดินรถ และพื้นที่เชิงพาณิชย์
โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ชุมทางถนนจิระ – ขอนแก่น ใช้งบประมาณก่อสร้าง 23,000 ล้านบาทมีจำนวน 18 สถานี โดยมีสถานีรถไฟบ้านไผ่ เป็นสถานียกระดับ มีความยาวประมาณ 2.4 กิโลเมตร และสถานีรถไฟขอนแก่น มีการก่อสร้างทางยกระดับความยาว 5.4 กิโลเมตร พาดผ่านตัวเมืองขอนแก่น เพื่อช่วยลดปัญหาจราจรจุดตัดบนถนน 5 สาย และถือว่าเป็นสถานีรถไฟที่ใหญ่และสวยที่สุดในประเทศในขณะนี้ และยังรองรับการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงในอนาคตอีกด้วย
ประโยชน์ของรถไฟทางคู่ ชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น จะช่วยให้สามารถลดระยะเวลาการเดินทางโดยรถไฟจากจังหวัดขอนแก่นไปจังหวัดนครราชสีมาจากเดิมที่ต้องใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง เหลือเพียง 1.20 ชั่วโมงเท่านั้น นอกจากนั้นยังเป็นการเชื่อมโยงการขนส่งทางรางในภูมิภาคอิสานและภูมิภาคอื่นของประเทศ โดยมีสถานีกระจายสินค้า หรือ CY 3 แห่ง และยังรองรับท่าเรือบกที่การท่าเรือแห่งประเทศไทยได้เตรียมการก่อสร้างในพื้นที่อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น เพื่อให้เป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ในภูมิภาคอีสานในอนาคตต่อไป
จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้ตีระฆังเพื่อเป็นสัญญาณปล่อยขบวนรถเปิดสถานี ก่อนจะทดลองนั่งขบวนรถไฟเที่ยวพิเศษ ขอนแก่น – ท่าพระ จากสถานีรถไฟขอนแก่น ไปยังสถานีรถไฟท่าพระที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 10 กม. ท่ามกลางขบวนนางรำในชุดลายผ้าไหมประจำจังหวัด “แคนแก่นคูณ” จำนวน 30 คน ร่วมกันรำส่งขบวนรถไฟอีกด้วย
