ตำรวจ สภ.โคกโพธิ์ชัย จ.ขอนแก่น เร่งหาเบาะแสหญิงคนร้ายที่ก่อเหตุอ้างเป็นเพื่อนลูก เข้ามาขโมยเงินสดเกือบ 2 แสนบาท ในบ้านของสองตายายที่เก็บออมมากว่าสิบปี
ความคืบหน้ากรณี นางคำเหมือน สะเดา อายุ 89 ปี และ นายอวน สะเดา อายุ 82 ปี สองสามีภรรยา ชาวบ้านสงแสง หมู่ 4 ต.นาแพง อ.โคกโพธิ์ชัย จ.ขอนแก่น ที่ถูกคนร้ายเป็นหญิงไม่ทราบแหล่งที่อยู่ อายุประมาณ 35 ปี หลอกว่าเป็นเพื่อนสนิทของลูกสาวทำงานอยู่ด้วยกันที่กรุงเทพฯ และเป็นบุตรสาวของนายประเสริฐ ชาวบ้านในตำบลนาแพง ก่อเหตุขโมยเงินสดของสองตายายที่เก็บไว้ใต้ที่นอนภายในบ้านไปจำนวน 180,000 บาท ทำให้สองตายายแทบสิ้นเนื้อประดาตัว เหตุเกิดเมื่อวันที่ 23 ก.พ.62 ที่ผ่านมา ซึ่งจนถึงขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สามารถติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีได้
ล่าสุด พ.ต.ท.เทียรไชย ชาวส้าน รองผู้กำกับสอบสวน สภ.โคกโพธิ์ชัย กล่าวว่า คดีนี้เป็นคดีที่เกิดขึ้นตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ในสมัยที่ผู้กำกับฯ และพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี ยังไม่โยกย้ายไปปฏิบัติหน้าที่ในท้องที่อื่น แต่ภายหลังจากที่ผู้กำกับฯ คนใหม่ย้ายเข้ามาก็ได้ให้พนักงานสอบสวนรื้อสำนวนคดีค้างเก่าต่างๆ ขึ้นมาตรวจสอบดูว่า แต่ละคดีมีความคืบหน้าและรายละเอียดอย่างไร
กระทั่งพบสำนวนคดีของนางคำเหมือน ผู้เสียหายที่เคยเข้ามาแจ้งความว่าถูกคนร้ายขโมยเงินสด จำนวน 180,000 บาทไป ต่อมา พ.ต.อ.โผนชัย ครองยุทธ ผกก.สภ.โคกโพธิ์ชัย พร้อมด้วยพนักงานสอบสวนได้ลงพื้นที่ไปพบผู้เสียหายที่บ้านหลังเกิดเหตุ ซึ่งได้ให้การว่า ถูกหญิงอายุประมาณ 35 ปี ขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาแนะนำตัวว่าชื่ออ้อ เป็นเพื่อนสนิทของนางปทุมวัน แผนพุทธา ลูกสาวของตนเองที่ทำงานอยู่กรุงเทพฯ โดยลูกสาวได้ฝากให้คนร้ายรายนี้มาเอาหน่อข่าไปฝาก ก่อนที่จะขอเข้าห้องน้ำ แล้วไปขโมยเอาเงินสดของสองตายายที่เก็บไว้ใต้ที่นอนภายในบ้านแล้วหลบหนีไป ซึ่งจากการสอบถามนางปทุมวัน ลูกสาวของนางคำเหมือน ก็ยืนยันว่า ไม่ได้ฝากให้ใครไปเอาหน่อข่ากับแม่ และไม่เคยมีเพื่อนชื่ออ้อ
พ.ต.ท.เทียรไชย กล่าวอีกว่า ขณะนี้ผู้กำกับ สภ.โคกโพธิ์ชัย ได้ส่งชุดสืบสวนลงพื้นที่หาเบาะแสของคนร้ายเพิ่มเติม พร้อมกับสอบปากคำบุคคลที่อาจจะเกี่ยวข้อง โดยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มเพื่อนหรือคนที่รู้จักกับลูกสาวของนางคำเหมือน ที่อาจรู้ความเคลื่อนไหวของนางคำเหมือนโดยเฉพาะเรื่องเงิน และกลุ่มที่สองคือ กลุ่มบุคคลอื่นที่อาจไม่รู้จักกับนางคำเหมือนโดยตรง เช่น แก๊งคนร้ายที่มักก่อเหตุในลักษณะนี้ ซึ่งอาจจะใช้วิธีเข้ามาดูลาดเลาหรือทำทีพูดคุยกับคนในหมู่บ้านเพื่อนำข้อมูลไปวางแผนก่อเหตุ รวมไปถึงคนในหมู่บ้านที่รู้ความเคลื่อนไหวของสองตายายแล้วนำข้อมูลนี้ไปบอกกลุ่มคนร้ายให้มาก่อเหตุ แล้วแบ่งเงินกันเพื่อเป็นการตอบแทน ซึ่งทั้งหมดนี้อาจมีความเป็นไปได้ เจ้าหน้าที่จึงยังไม่ตัดประเด็นใดๆ ทิ้ง
ส่วนกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า สองตายายอาจสร้างเรื่องขึ้นมาเพื่อหวังผลประโยชน์ใดหรือไม่ จากการสอบสวน ไม่น่าจะเป็นไปได้เพราะทั้งสองมีอายุมากแล้ว หากถูกจับได้ว่าโกหกเพื่อหวังประโยชน์ใด ก็คงไม่คุ้มกับการถูกดำเนินคดีในภายหลัง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: