ขอนแก่น – คณะอนุกรรมการไต่สวนคดีทุจริตเงินสงเคราะห์ ป.ป.ท. เขต 4 สอบปากคำชาวบ้านใน อ.ชุมแพ เป็นวันที่สอง พบชาวบ้าน– อสม. เกือบร้อยรายถูกสวมชื่อเบิกเงิน ด้านผู้ติดเชื้อ HIV เผยได้รับเงินเพียง 500 บาท
ที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบลวังหินลาด อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น ชาวบ้านและ อาสาสมัครสาธารณสุข หรือ อสม. บ้านนาดี ต.วังหินลาด อ.ชุมแพ ที่มีรายชื่อในบัญชีเบิก-จ่าย เงินสงเคราะห์ผู้มีรายได้น้อยและผู้ติดเชื้อเอดส์ของศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง จ.ขอนแก่น เดินทางเข้าให้ปากคำกับคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงกรณีการทุจริตเงินสงเคราะห์ฯ นำโดย นายทองสุข ณ พล นักสืบสวนสอบสวนชำนาญการพิเศษ สำนักงาน ป.ป.ท. เขต 4 ต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 หลังทราบว่า ตนเองถูกนำรายชื่อและเอกสารสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนไปใช้ประกอบการเบิกเงินสงเคราะห์ฯ ของศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง จ.ขอนแก่น ในปีงบประมาณ 2560 ทั้งที่เจ้าของชื่อไม่เคยทราบเรื่องและได้รับเงินมาก่อน ผลการตรวจสอบของ ป.ป.ท. เขต 4 พบว่า พื้นที่ ต.วังหินลาด มีรายชื่อชาวบ้านและผู้ที่เป็น อสม. ถูกนำไปแอบอ้าง รวม 84 คน เป็นเงินกว่า 160,000 บาท ซึ่งชาวบ้านแต่ละคนที่ทราบว่า ตนมีรายชื่อเกี่ยวกับการทุจริตเงิน ต่างตกใจและรีบเดินทางมาให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ เพื่อยืนยันว่าตนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง และให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อคณะอนุกรรมการฯ เพื่อนำไปสู่การดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องกับการทุจริตดังกล่าว
นายโหน่ง (นามสมมุติ) อายุ 18 ปี ชาวตำบลวังหินลาด เป็นหนึ่งในชาวบ้านที่มีรายชื่อในบัญชีรับเงินสงเคราะห์ กล่าวว่า ในปี 2560 มีเจ้าหน้าที่ของ อบต.วังหินลาด นำเอกสารมาให้เซ็น ซึ่งตนจำได้คร่าวๆ ว่า เป็นเอกสารเกี่ยวกับการขอรับเงินช่วยเหลือสงเคราะห์ผู้มีรายได้น้อยและผู้ติดเชื้อ HIV เนื่องจากตนมีคุณสมบัติตามเงื่อนไข แต่หลังจากนั้นตนก็ได้รับเงินเพียง 500 บาทมาตลอด ซึ่งตนก็ไม่ได้เอะใจสงสัยเพราะคิดเพียงว่า ได้รับการช่วยเหลือก็ดีแล้ว แต่หลังจากทราบเรื่องว่า ตนถูกโกงเอาเงินที่สมควรจะได้โดยผู้ทำการทุจริตก็รู้สึกเศร้าใจ เพราะเงินจำนวนดังกล่าวหากได้รับเต็มจำนวนก็จะสามารถจุนเจือครอบครัวได้ สิ่งที่เกิดขึ้นเหมือนเป็นการซ้ำเติมคนทุกข์ยากให้ลำบากขึ้นไปอีก
ขณะที่ นางนิตใจยา สุริยันต์ อสม.บ้านนาดี ซึ่งเดินทางมาตรวจสอบรายชื่อของตนเองเช่นกัน หลังทราบจากเพื่อนว่า มีรายชื่อในการเบิกเงินของศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง จ.ขอนแก่น พร้อมยืนยันว่า ตนไม่เคยร้องขอหรือยื่นเรื่องขอรับเงินสงเคราะห์แม้แต่ครั้งเดียว เพราะมีอาชีพที่มั่นคง และมี รายได้จากการทำธุรกิจส่วนตัวอยู่แล้ว แม้จะยื่นขอก็คงไม่ผ่านคุณสมบัติ แต่เมื่อมาเห็นชื่อปรากฏอยู่ในบัญชีผู้รับเงินก็รู้สึกงงมาก อยากให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทำเรื่องนี้ให้กระจ่างชัด และนำตัวผู้ที่เกี่ยวข้องมาดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
ทั้งนี้จากการสอบปากคำชาวบ้านในพื้นที่ ต.วังหินลาด และการตรวจสอบเอกสารที่เป็นคำร้องขอรับเงินสงเคราะห์ พบว่า เกือบทั้งหมดมีการกรอกข้อมูลที่ไม่ตรงตามความเป็นจริง เช่น วุฒิการศึกษา สถานภาพทางครอบครัว และวัตถุประสงค์ของการขอรับเงินสงเคราะห์ ซึ่งคณะ อนุกรรมการไต่สวนฯ จะเร่งตรวจสอบอย่างละเอียด เพื่อทำสำนวนการไต่สวนให้แล้วเสร็จตามกรอบระยะเวลา 6 เดือน ก่อนที่จะเสนอไปยังคณะกรรมการ ป.ป.ท. เพื่อพิจารณาชี้มูลความผิด ก่อนจะส่งให้อัยการลงความเห็นสั่งฟ้องต่อไป
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: