ขอนแก่น – ตำรวจภาค 4 ยึดเฮโรอีน 76.590 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 70 ล้านบาทที่คนร้ายทิ้งไว้หลังยิงตอบโต้ตำรวจแล้วลงเรือข้ามโขงหนีไป
ที่สำนักงานผู้บังคับการตำรวจสืบสวนกองบังการสืบสวนตำรวจภูธรภาค 4 พลตำรวจตรีฉลอง ภาคย์ภิญโญ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 พลตำรวจตรียรรยง เวชโอสถ ผู้บังคับการสืบสวนตำรวจภูธร ภาค 4 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 4 และเจ้าหน้าที่ทหารจากค่ายสุรศักดิมนตรีร่วมกันแถลงผลการตรวจยึดเฮโรอีน จำนวน 76.590 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 70 ล้านบาท
โดยเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2560 เวลาประมาณ 08.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม รับแจ้งจากสายลับว่ามีการลักลอบค้ายาเสพติดรายใหญ่ จึงได้นำกำลังเข้าร่วมประชุมวางแผนร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยสายลับแจ้งว่าจะมีการขนยาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาในพื้นที่อำเภอสังคม จังหวัดหนองคาย จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้วางกำลัง บริเวณริมถนนสังคม-ปากชม ห่างจากแม่น้ำโขงประมาณ 200 ม. ตั้งแต่เวลาประมาณ 22.00น. ของวันที่ 30 พ.ย.60
จนกระทั่ง 03.00 น. ของวันที่ 1 ธ.ค.60 ได้ตรวจพบชายฉกรรจ์ประมาณ 10 คน แบกถุงพลาสติกสีดำลักษณะมีน้ำหนักมากเข้ามาบริเวณสะพานห้วยหลวงซ้อน ต.บ้านม่วง อ.สังคม จ.หนองคาย เจ้าหน้าที่ที่ซุ่มอยู่ได้แสดงตัวเข้าตรวจสอบกลุ่มชายฉกรรจ์ได้ใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดยิงเข้าใส่ เจ้าหน้าที่จึงยิงตอบโต้ ทำให้กลุ่มชายฉกรรจ์ล่าถอยไปในความมืดยังทิศทางแม่น้ำโขง เจ้าหน้าที่ได้ติดตามไปจนถึงบริเวณแม่น้ำโขงได้ยินเสียงเครื่องยนต์เรือออกจากริมตลิ่งมุ่งหน้าไปทางประเทศ สปป.ลาว.จึงได้หยุดติดตาม เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจสอบพื้นที่พบกระสอบพลาสติกสีดำจำนวน 3 กระสอบ ภายในกระสอบมีเฮโรอีนจำนวน 200 แท่ง น้ำหนักประมาณ 76.5 กิโลกรัม จึงได้ตรวจยึดไว้เพื่อตรวจสอบและนำส่ง พนักงานสอบสวน สภ.นางิ้ว เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
จากการสืบสวนเชิงลึกทราบว่าเฮโรอีนลอตนี้จุดหมายปลายทางอยู่ที่ประเทศมาเลเชีย โดยจะไปพักยาไว้ที่จังหวัดสงขลา จากที่ดูโลโก้และการบรรจุเชื่อว่าผลิตในประเทศพม่า แต่ไม่สามารถลำเลียงผ่านเส้นทางภาคเหนือได้ เนื่องจากทางภาคเหนือมีการตั้งด่านตรวจยาเสพติดเป็นจำนวนมาก จึงเปลี่ยนเส้นทางลำเลียงมายังประเทศ สปป.ลาว เข้ามายัง อ.สังคม จ. หนองคาย และจะนำยาเสพติดไปพักไว้ที่ จ.สงขลา หากยาเสพติดรอบนี้ส่งถึงประเทศมาเลเชียจะมีมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท เจ้าหน้าที่ตำรวจ บังคับการสืบสวนตำรวจภูธรภาค 4 จะร่วมกับ ปปส.และDEA ขยายผลหาเครือข่ายนี้ต่อไป
