ผู้ว่าฯ ธปท.ยอมรับปัญหาโลกรุมเร้า ส่งผลเศรษฐกิจไทยชะลอและอาจเติบโตเพียงร้อยละ 3 แนะผู้ประกอบการมองหาโอกาสในห้วงการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี สังคมผู้สูงอายุ และการทำธุรกิจแบบยั่งยืน
วันนี้ที่ ร.ร.อวานี จ.ขอนแก่น ดร.วิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ได้เข้าร่วมงานสัมมนาวิชาการ ประจำปี 2562 ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้จัดขึ้นในหัวข้อ “โลกเปลี่ยน อีสานแลนหัน เท่าทันการเปลี่ยนแปลง” โดยมีผู้แทนภาครัฐและเอกชนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือเข้าร่วมงานสัมมนาหลายร้อยคน
ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ได้ร่วมสนทนากับ ผศ.ดร.ภูมิสิทธิ์ มหาสุวีระชัย อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ในหัวข้อ “รับมืออย่างไรในโลกที่ไม่แน่นอน” โดยกล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมามีข่าวเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลกที่อาจทำให้ผู้ประกอบการไม่ค่อยสบายใจเท่าไร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐซึ่งก็มีแนวโน้มยืดเยื้อและรุนแรงมากขึ้น เรื่องของ brexit ที่ยังไม่แน่นอน ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ที่รุนแรงมากขึ้นโดยเฉพาะในตะวันออกกลาง ปัจจัยเหล่านี้เป็นผลให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวลง บรรยากาศการลงทุนก็ชะลอลง
ขณะที่เศรษฐกิจไทยเป็นเศรษฐกิจขนาดเล็กแบบเปิด พึ่งพาตลาดต่างประเทศค่อนข้างมาก ปัญหาในโลกก็มีผลกระทบต่อไทยโดยตรง จะเห็นได้จากอัตราการส่งออกที่ลดลง และอาจลงไปติดลบในปีนี้ เศรษฐกิจในประเทศก็อาจมีปัญหาชะลอตัวและผันผวน ซึ่งเป็นเรื่องที่ผู้ประกอบการต้องเตรียมรับมือทั้งในส่วนของธุรกิจอุตสาหกรรมของตนและคู่ค้า ในมุมมองของธนาคารแห่งประเทศไทยก็มองว่า เศรษฐกิจปีนี้อาจเติบโตได้ประมาณร้อยละ 3 เพราะมีปัจจัยเกี่ยวข้องนอกเหนือจากปัจจัยภายในประเทศ ซึ่งจะต้องมีการปรับประมาณการทุกไตรมาส
“เรื่องที่ผมคิดว่าสำคัญกว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวเท่าไร ก็คืออยากจะชวนให้พวกเราได้ร่วมพิจารณาการเปลี่ยนแปลงในโลกอย่างน้อยใน 3 เรื่องสำคัญที่จะมีผลกระทบกับภาคธุรกิจไทยทุกภาคส่วน และก็เป็นทั้งความท้าทาย ความเสี่ยง และโอกาสสำหรับธุรกิจใหม่ๆ ด้วย
ประการแรกเป็นการเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยี เราจะเห็นการเปลี่ยนแปลงด้านนี้เร็วมาก ตั้งแต่ด้านการเงิน ภาคสื่อ ภาคการผลิต ภาคการเกษตร เทคโนโลยีจะเข้ามาเปลี่ยนการทำธุรกิจแบบเดิมๆ ให้ต่างไป
ประการที่สองเป็นการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างประชากร เราจะเป็นสังคมผู้สูงอายุ ก็จะมีรายจ่ายในการดูแลผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น แต่ก็เป็นโอกาสของธุรกิจใหม่ๆ มากขึ้น เช่น บริการดูแลผู้สูงอายุ อาหารสำหรับผู้สูงอายุ อุปกรณ์ผู้สูงอายุ ยา ซึ่งเหล่านี้จะเป็นตลาดใหญ่มาก และจะไม่ใช้เฉพาะตลาดในประเทศเท่านั้น แต่ยังรวมถึงตลาดต่างประเทศด้วย
ประการที่สามคือ ทิศทางการทำธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และความยั่งยืน ซึ่งหลายประเทศให้ความสำคัญมาก เช่น เกษตรอินทรีย์ อีสานสามารถเป็นแหล่งผลิตอาหารปลอดภัยได้ หรือกระแสลดการใช้พลาสติกซึ่งจะนำไปสู่การหาวัสดุชีวภาพและวัสดุอื่นๆ มาทดแทน
ผมอยากจะชวนให้พวกเราช่วยกันมองว่า ทำอย่างไรจึงจะทำให้ผลิตภาพของเราดีขึ้น สูงขึ้น เท่าทันกับการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างที่สำคัญและใช้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างเหล่านั้น ไม่ว่าจะเป็นด้านเทคโนโลยี สังคม และความยั่งยืน ถ้าเราเตรียมพร้อมก็จะเป็นโอกาสทางธุรกิจที่สำคัญ” ดร.วิรไท กล่าว
สำหรับคำถามที่ว่า ภาวะเศรษฐกิจของประเทศมีโอกาสที่จะเลวร้ายลงมากกว่านี้หรือไม่ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ตอนนี้เป็นเรื่องภาวะเศรษฐกิจของประเทศที่ชะลอตัวลง เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา เมื่อมองย้อนไปเมื่อ 4-5 ปีที่แล้ว ก็มีบางปีที่เศรษฐกิจของเราเติบโตเพียง 0.9% เพราะปัญหาขัดแย้งทางการเมือง และเราก็ค่อยๆ เติบโตมาดีขึ้นตามลำดับ ปีที่แล้วก็เติบโตประมาณ 4% แต่ปีนี้อาจประมาณ 3% ก็ไม่ถือว่าเป็นภาะวะตกต่ำรุนแรง แต่อาจมีบางภาคที่ได้รับผลกระทบรุนแรงกว่าภาคอื่น ตนอยากจะให้ทุกคนร่วมกันพิจารณาการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างที่กล่าวมาแล้ว ซึ่งมีความสำคัญมากกว่าผลกระทบในระยะสั้น
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: