มูลนิธิกระจกเงานำแม่ชาวกระนวนบุกศูนย์ดำรงธรรมฯ ร้องผู้ว่าฯ ช่วยตามหาลูกชาย หลังไปทำงานบนเรือประมงแต่หายตัวลึกลับเกือบ 2 เดือนกลางน่านน้ำมาเลเซีย
วันนี้ มูลนิธิกระจกเงาพา นางคำไสย์ คงเจริญ อายุ 56 ปี ชาวอำเภอกระนวน จังหวัดขอนแก่น พร้อมญาติๆ เดินทางมาที่ศูนย์ดำรงธรรม จ.ขอนแก่น เพื่อยื่นหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดผ่านนายสว่าง วีรกิจบริการ สวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน จ.ขอนแก่น เพื่อให้ช่วยตามหานายภานุมาศ คงเจริญ อายุ 32 ปี บุตรชาย หลังนายภานุมาศได้ไปทำงานบนเรือประมงนอกน่านน้ำไทย ตั้งแต่ต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยเรือได้ออกจากจังหวัดสมุทรสาคร และนายภานุมาศหายตัวไปลึกลับตั้งแต่วันที่ 10 กรกฎาคมที่ผ่านมา ระหว่างที่เรือกำลังแล่นหาปลาในเขตน่านน้ำประเทศมาเลเซีย
นางคำไสย์ เล่าว่า ลูกชายได้ขึ้นเรือไปทำงานพร้อมกับหลานอีก 2 คน คือ นายสัญชัย นิรเกษ หรือป่อง และ นายอาทิตย์ นิรเกษ เมื่อวันที่ 24 ก.ค.62 เมื่อเรือกลับเข้าฝั่ง นายสัญชัยเป็นคนโทรศัพท์มาแจ้งตนว่า นายภานุมาศได้หายตัวไปกลางดึกระหว่างเรือลอยอยู่กลางทะเล ทั้งที่เหตุการณ์บนเรือเป็นไปโดยปกติ ไม่มีเรื่องทะเลาะวิวาท หรือขัดแย้งกับผู้ใด เมื่อตนสอบถามไปทางบริษัทเจ้าของเรือ แต่ทางบริษัทก็ปัดความรับผิดชอบ ไม่รับรู้ใดๆ ทั้งนี้ในอดีตลูกชายตนเคยทำงานบนเรือประมงที่ประเทศโซมาเลียนานถึง 3 ปี ก่อนกลับมาทำงานเป็นช่างทาสีและรับจ้างทั่วไปที่บ้านและต่อมาได้กลับไปทำงานบนเรือประมงอีกครั้งก่อนหายตัวไป เบื้องต้นตนได้ไปแจ้งความคนหายไว้ที่ สภ.กระนวนแล้ว
ด้านนายสว่าง วีรกิจบริการ สวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัด กล่าวว่า ได้สอบถามไปยังเจ้าของ “เรือปราบสมุทร” ที่นายภานุมาศเคยบอกกับแม่ว่าทำงานบนเรือลำนี้ พบว่า เรือดังกล่าวถูกยกเลิกใช้งานไปนานแล้ว ซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบรายละเอียดให้ชัดเจนก่อนว่า มีการจ้างงานที่ชัดเจนหรือไม่ หากมีการจ้างงานกัน ก็ต้องบังคับนายจ้างให้ความเป็นธรรมกับลูกจ้าง มีการเยียวยาลูกจ้าง ซึ่งขณะนี้ตรวจสอบพบว่า บริษัทนี้ไม่อยู่ในประกันสังคม นายภานุมาศไม่มีรายชื่อในประกันสังคม ก็คาดว่า นายจ้างไม่ได้ส่งเงินสมทบให้ ดังนั้นการเยียวยาก็ต้องเป็นบทบาทของหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องแต่ละหน่วยงานไป
ขณะที่ นายเอกลักษณ์ หลุ่มชุมแข หัวหน้าโครงการศูนย์ข้อมูลคนหายฯ มูลนิธิกระจกเงา กล่าวว่า คนหายในกรณีนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญเร่งด่วนที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเร่งให้การช่วยเหลือ เบื้องต้นจากการสอบถามญาติที่เดินทางไปทำงานบนเรือลำเดียวกัน ทราบว่า เป็นการไปทำงานโดยสมัครใจ ไม่พบการถูกบังคับให้ทำงาน หรือมีลักษณะความผิดเข้าข่ายการค้ามนุษย์แต่อย่างใด
“เราต้องเข้าใจก่อนว่า ในสภาพการทำงานบนเรืออะไรย่อมเกิดขึ้นได้ เนื่องจากอยู่กลางทะเล มีคลื่นลม ลักษณะของพื้นที่ทำงานก็มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดอุบัติเหตุหรือเกิดอันตรายได้ อาจมีการพลัดตกน้ำ แต่ทำอย่างไรจะให้ข้อเท็จจริงกระจ่างว่า วันที่เกิดเหตุมีเหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างไร มีใครทำอะไร อย่างไร บนเรือลำนี้ แต่ขณะนี้ยังหาข้อเท็จจริงใดๆ ไม่ได้เลย ไม่ใช่มีแต่การปฏิเสธไม่รู้เห็น ไม่มีเรือลำนี้อยู่ในสารบบเลย ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ควรจะเกิดขึ้น” นายเอกลักษณ์ กล่าว
ข้าวที่เกี่ยวข้อง
- ศูนย์ข้อมูลคนหายและมูลนิธิกระจกเงา ลงพื้นที่หาข้อมูล บ้านน้องภาคิน
- มีปากเสียงกับพ่อหายออกบ้านไปนานกว่า6ปี!! วอนสื่อช่วยตามหา??
- ญาติร้องผู้ว่าฯ “พ่อเฒ่าวัย 100 ปีสามร้อยยอด”หายจากบ้านพักกว่าเดือนครึ่ง ยังหาไม่พบ
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: