ขอนแก่น – ตำรวจยังไม่ชี้ชัดเหตุสายเคเบิ้ลเกี่ยวคอคนขี่มอเตอร์ไซด์ล้มเสียชีวิต แต่ทราบบริษัทเจ้าของสายเคเบิ้ลดังกล่าวแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวน
สืบเนื่องจากกรณี นางสาวมณีเนตร เจริญเหง่า อายุ 40 ปี ชาว ต.พระลับ อ.เมือง จ.ขอนแก่นถูกสายเคเบิลที่หลุดลงมากลางถนนเกี่ยวที่บริเวณลำคอจนเสียชีวิต ขณะขี่รถจักรยานยนต์บนถนน เหตุเกิดเมื่อช่วงเย็นของวันที่ 25 เมษายนที่ผ่านมา บริเวณหน้าโรงเรียนแก่นนครวิทยาลัยในเขตเทศบาลนครขอนแก่น
เมื่อตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด 2 ตัวของโรงเรียนแก่นนครวิทยาลัย พบว่า เหตุเกิดเวลา 16.57 น. ปรากฏภาพรถบรรทุกสินค้าสิบล้อวิ่งมาจากสนามกีฬากลาง มุ่งหน้าไปทางถนนมิตรภาพ เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ พบว่า คนงานที่นั่งอยู่บนรถบรรทุกมีลักษณะคล้ายกับหลบสายไฟที่หย่อนลงมา ระหว่างนั้น น.ส. มณีเนตร ผู้เสียชีวิตได้ขี่รถจักรยานยนต์สวนทางมาจากทางถนนมิตรภาพ จนประสบเหตุสายไฟตัดคอเสียชีวิต
โดยพันตำรวจเอก จำลอง สุวลักษณ์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองขอนแก่น กล่าวถึงความคืบหน้าของคดี หลังเจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่ตรวจที่เกิดเหตุ เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถสรุปได้ว่า สาเหตุที่ทำให้สายเคเบิลหลุดลงมากลางถนนเกิดจากอะไร ต้องรอข้อมูลจากพยานบุคคลและภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณใกล้เคียงที่เกิดเหตุอีกครั้ง อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบบริษัทเจ้าของสายเคเบิ้ลดังกล่าวแล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะพนักงานสอบสวนกำลังรวบรวมพยานหลักฐาน และหากเข้าข่ายความผิดอาญาก็จะดำเนินคดีในข้อหาประมาท ทำให้ผู้ใดผู้หนึ่งเสียชีวิต
จากการสอบถามนายพัฒน์พงษ์ ภู่สิงห์ สมาชิกเครือข่ายเพื่อนเตือนภัยขอนแก่น ผู้ประสบเหตุ กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุได้ขี่รถจักรยานยนต์ตามหลัง น.ส. มณีเนตร ระหว่างนั้นเห็นร่างผู้เสียชีวิตกระเด็นออกจากรถจักรยานยนต์ไปคนละทาง เมื่อถึงที่เกิดเหตุพบ น.ส.มณีเนตร นอนแน่นิ่งเห็นบริเวณลำคอขาด จึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบ
“ในช่วงเกิดเหตุมีผู้ใช้รถใช้ถนนจำนวนมาก ส่วนสายไฟที่ห้อยลงมาบาดคอนั้น ห้อยในลักษณะเฉียงถนนคือ สูงต่ำไม่เท่ากันและห้อยลงมาไม่หมด คาดว่าผู้ตายขับรถมาด้วยความเร็ว ประกอบกับอยู่ในช่วงโพล้เพล้แล้ว จึงทำให้ทัศนวิสัยการขับขี่ไม่ชัดเจนจึงทำให้ประสบเหตุจนเสียชีวิต” นายพัฒน์พงษ์ กล่าว
ขณะที่ทางญาติได้นำศพ น.ส.มณีเนตร ไปประกอบพิธีทางศาสนาที่วัดป่าเทพนิมิตร บ้านหนองไฮ อ.เมืองขอนแก่น ซึ่งจะมีพิธีสวดอภิธรรมตั้งแต่วันที่ 26-27 เม.ย. และฌาปนกิจในวันที่ 28 เม.ย. นี้ด้าน น.ส.กนกวรรณ ปัญญาพิมพ์ บุตรสาวผู้ตาย กล่าวว่า แม่ทำงานเลี้ยงครอบครัวเพียงคนเดียว โดยมีรายได้วันละ 300 บาท พ่อเป็นอัมพฤกษ์ครึ่งตัวต้องนอนซมอยู่กับบ้าน ปู่ก็เป็นอัมพฤกษ์ ย่าป่วยเป็นเบาหวานและความดันสูง แม่มีลูกสาว 2 คน ตนเป็นคนโตยังไม่มีงานทำ คนเล็กก็เป็นผู้หญิงอายุ 18 ปีเป็นโรคประสาทอ่อนๆ โดยตนและน้องสาวมีหน้าที่ดูแลพ่อกับปู่ที่ป่วยอยู่ในบ้านหลังเล็กๆ
“เมื่อเห็นแม่สภาพถูกสายเคเบิ้ลปาดคอเกือบขาดออกจากกันและตายแบบที่ต้องมีคนรับผิดชอบ จึงต้องเอาเรื่องจนถึงที่สุดกับเจ้าของสาย เพราะแม่เป็นเสาหลักของบ้าน เมื่อแม่เสียไปแบบที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น ครอบครัวของหนูจึงเดือดร้อนมาก” น.ส.กนกวรรณ กล่าว
