ขอนแก่น – พบปัญหาอนาคตสังคมไทยมีปัญหาการดูแลผู้สูงวัย ผอ.ศูนย์รัตนาภาเผยคอร์สอบรมการดูแลผู้สูงอายุไม่มีคนสมัครมานานถึง 2 ปี ขณะที่ตลาดมีความต้องการสูง เงินดี ไม่มีตกงาน
คาดกันว่าในปี 2564 หรืออีก 2 ปีข้างหน้าประเทศไทยจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ โดยองค์การสหประชาชาติได้ให้นิยามคำว่า สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ว่า หมายถึง สังคมหรือประเทศที่มีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปมากกว่าร้อยละ 20 ของประชากรทั้งประเทศ หรือมีประชากรอายุตั้งแต่ 65 ปี มากกว่าร้อยละ 14 ของประชากรทั้งหมด
โดยในปี 2560 ที่ผ่านมา เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ที่ไทยมีประชากรเด็กน้อยกว่าผู้สูงอายุ สถานการณ์นี้เป็นผลมาจากการลดภาวะเจริญพันธุ์อย่างรวดเร็ว และการลดลงอย่างต่อเนื่องของระดับการตายของประชากร ทำให้จำนวนและสัดส่วนประชากรสูงอายุของไทยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ข่าวน่าสนใจ:
ปัญหาหนึ่งของการมีจำนวนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นคือ ความต้องการ การดูแลผู้สูงอายุ ที่ต้องเพิ่มเป็นเงาตามตัว จากสมัยก่อนการดูแลผู้สูงอายุจะเป็นเรื่องของลูกหลานที่อยู่รวมเป็นครอบครัวใหญ่ แต่ปัจจุบันสังคมไทยเป็นครอบครัวเดี่ยว ผู้สูงอายุอยู่กันโดยลำพัง ขณะที่ลูกหลานออกไปทำงานนอกบ้านหรือต่างถิ่น ผู้สูงอายุหลายรายต้องเสียชีวิตอย่างโดดเดี่ยว เหล่านี้ทำให้ความต้องการแรงงานดูแลผู้สูงอายุมีมากอย่างท่วมท้น ขณะที่แรงงานในส่วนนี้กลับหาได้ยากยิ่ง
ที่ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวรัตนาภา จังหวัดขอนแก่น ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ฝึกอบรมวิชาชีพแก่เยาวสตรีและประชาชนทั่วไปในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ให้มีความรู้และทักษะในการประกอบอาชีพที่หลากหลาย เช่น นวดแผนโบราณ เสริมสวย ทำอาหาร ฯลฯ ที่ผ่านมาทางศูนย์ฯ ได้เปิดหลักสูตรการดูแลผู้สูงอายุในบ้านมานานนับสิบปี แต่พบว่า มีผู้สนใจเข้ารับการอบรมน้อยลงทุกปี กระทั่งในช่วง 2 ปีมานี้ไม่มีผู้สมัครเข้ามา และไม่สามารถเปิดการเรียนการสอนได้
นายบรรณรัตน์ เก่งกสิกิจ ผอ.ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวรัตนาภา จ.ขอนแก่น กล่าวว่า “เดิมหลักสูตรเปิดอบรมเรื่องการดูแลผู้สูงอายุและเด็ก ใช้เวลาอบรม 6 เดือน กลุ่มเป้าหมายคือผู้ที่อายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป จบชั้น ม.6 ที่นี่ก็เรียนฟรี กินฟรี อยู่ฟรี เมื่อก่อนก็มีคนสนใจเยอะ รุ่นหนึ่งมีประมาณ 30 ถึง 50 คน แต่ต่อมามีปัญหาคือ เด็กที่อบรมแล้วไม่อยากไปดูแลผู้สูงอายุตามบ้าน ก็เป็นเรื่องค่านิยมด้วย เขาก็อยากไปทำงานในสถานประกอบการหรือหน่วยงานของรัฐ แล้วก็เป็นความต้องการของครอบครัวด้วย ก็เลยเป็นปัญหาว่า เป้าหมายที่เราอยากให้ไปดูแลผู้ สูงอายุตามบ้านก็ไม่ได้ตามที่ตั้งใจ
แต่ที่หนักมากคือ ในช่วง 2 ปีมานี้พบว่า ไม่มีเด็กมาสมัครเข้ามาอบรมเลย เราก็เลยคิดแนวทางใหม่ว่า เพื่อให้บุคคลทั่วไปสามารถเข้าถึงการอบรมหลักสูตรนี้ได้ เพราะจริงๆ แล้วงานนี้ก็ไม่ได้ต้องการการศึกษาในขั้นสูงทางการแพทย์ เพียงแต่ดูแลผู้สูงอายุ ทำยังไงให้ผู้สูงอายุมีอายุยืน และมีความสุข ก็ไม่จำเป็นว่าผู้เข้าอบรมจะต้องมีองค์ความรู้มากมายนัก
ก็เลยปรับหลักสูตรจาก 6 เดือนให้เป็น 4 เดือน แม่บ้านหรือผู้ที่มีใจรักในการดูแลผู้สูงอายุในบ้านหรือผู้ที่ต้องการทำเป็นอาชีพเลี้ยงตัวเองต่อไป ก็สามารถเข้ามาเรียนได้ ถือเป็นหลักสูตรที่เราเตรียมรับสังคมผู้สูงอายุ คาดว่า จะช่วยลดปัญหาขาดแคลนแรงงานในด้านนี้ลงได้ ขณะนี้ทางกรมได้อนุมัติหลักสูตรนี้มาแล้ว ก็เริ่มรับผู้เข้าอบรมในปีนี้เป็นปีแรก
ทุกวันนี้ความต้องการผู้ดูแลผู้สูงอายุก็มีมาก ทุกเดือนจะต้องมีผู้โทรศัพท์เข้ามา 4-5 ราย เพื่อขอคนไปดูแลคุณพ่อคุณแม่ ผู้สูงอายุที่บ้าน โดยเฉพาะข้าราชการที่ไม่สามารถอยู่ประจำดูแลครอบครัวได้ หรือแม้แต่คนที่มีฐานะทางเศรษฐกิจดี ก็ขอมาเยอะมาก แต่เราก็ไม่สามารถจัดให้ได้ เพราะไม่มีคนเข้ามาเรียนที่ศูนย์ฯ เลยในช่วงสองปีนี้
ก็ถือเป็นเรื่องที่สังคมต้องเตรียมตัวเพื่อรับมือปัญหานี้ซึ่งมีผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นทุกวัน ซึ่งทางศูนย์ฯ เราก็มีข้อจำกัดว่า ในแต่ละรุ่นสามารถผลิตกำลังคนในส่วนนี้ได้เพียง 30 ถึง 50 คน ซึ่งก็ไม่เพียงพอต่อความต้องการที่สูงขึ้นทุกวัน ก็อาจต้องมีนโยบายประสานร่วมมือกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือกระทรวงศึกษาธิการที่จะฝึกอบรมบุคลากรในด้านนี้ด้วย”
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: