ขอนแก่น – ศาลจังหวัดขอนแก่นเลื่อนฟังคำพิพากษาจากเดิม 29 มิ.ย.61 ด้านทนายฝ่ายโจทก์รอฟังผล หากโทษตัดสินจำคุกก็เตรียมอุทรณ์ต่อ
ศาลจังหวัดขอนแก่นได้มีคำสั่งแจ้งพนักงานอัยการและผู้เกี่ยวข้องในคดีร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ในคดีที่ น.ส.ปรียานุช โนนวังชัย หรือ เปรี้ยว พร้อมพวก ประกอบด้วย น.ส.กวิตา ราชดา หรือ เอิร์น น.ส.อภิวันทน์ สัตยบัณฑิต หรือแจ้ และนายวศิน นามพรม หรือ นิว จำเลยในคดีร่วมกันฆ่าหั่นศพ น.ส.วริศรา กลิ่นจุ้ย หรือ แอ๋ม พนักงานสถานบันเทิงแห่งหนึ่งในจังหวัดขอนแก่น ให้เข้ารับฟังคำพิพากษาในวันพรุ่งนี้ เวลา 13.30 น. หลังมีการสืบพยานจำเลยทั้งหมดเสร็จสิ้นเมื่อวันที่ 15 มีนาคมที่ผ่านมา
ข่าวน่าสนใจ:
นายนภดล สีดาทัน ทนายความฝ่ายโจทก์ กล่าวว่า จากเดิมที่นัดสืบพยานกันเสร็จวันที่ 15 มีนาคมที่ผ่านมา ศาลได้แจ้งว่า จะนัดตัดสินวันที่ 29 มิถุนายน เพราะว่าต้องละเอียดในการพิจารณาสำนวนคดี และทุกวันนี้คำพิพากษาทุกเรื่องจะต้องให้ทางอธิบดีผู้พิพากษา ภาค 4 ตรวจด้วย คาดว่า สำหรับคดีนี้ไม่มีอะไรที่ขาดตกบกพร่องหรือต้องโต้แย้ง มีความสมบูรณ์แล้ว และทางผู้พิพากษาเองก็มีจำนวนมากขึ้นก็เลยทำให้การตรวจเร็วขึ้น ก็ย่นระยะเวลาฟังคำพิพากษา ก็ถือว่าเป็นผลดีกับทุกฝ่าย
สำหรับพรุ่งนี้ก็จะมาครบทั้งสี่คน เปรี้ยว เอิร์น แจ้ และวศิน ส่วนเบนซ์ก็ต้องมาเช่นกันเพราะว่ายังมีคดีรับของโจร ซึ่งจะต้องมาฟังคำตัดสินวันพรุ่งนี้ เพราะแม้ว่าเขาจะอยู่กรุงเทพฯ ตลอดในช่วงเกิดเหตุ แต่มีส่วนช่วยในการนำโทรศัพท์ไปขาย ก็มีข้อหารับของโจร ซึ่งจะต้องดูก่อนว่าทางศาลจะพิจารณาอย่างไร จะลงโทษว่ารับของโจรหรือว่าจะรอลงอาญา
ในส่วนของเปรี้ยวเองซึ่งสู้คดีมาตลอดว่า ไม่ได้วางแผนแต่เป็นการพลั้งฆ่า หากศาลไม่เชื่อ โทษสำหรับคดีนี้ก็ต้องประหารชีวิตตามมาตรา 289 สถานเดียว แต่ถ้าศาลเชื่อว่า ไม่มีเจตนาก็อาจโดนโทษประมาณ 20-30 ปี ซึ่งหากต่ำกว่าประหารชีวิต ทางผมก็ต้องอุทรณ์อยู่แล้ว แต่สำหรับวศินนี่น่าจะได้ลดโทษมากที่สุดในบรรดาสี่คนนี้ เพราะวศินให้การเป็นประโยชน์แก่ตำรวจในชั้นสอบสวน เพราะคำให้การของวศินทำให้นำไปพบของกลางและหลักฐานอะไรต่ออะไรอีกมาก
ส่วนคนอื่นถึงจะบอกว่า ไม่ได้เป็นต้นคิด แต่ว่าเหมือนกับว่าลงเรือลำเดียวกันแล้ว ถ้าเกิดว่าเปรี้ยวตั้งใจฆ่าร้อยเปอร์เซ็นต์ คนที่เหลือก็มีส่วนอยู่ 40-50% เพราะว่าอยู่ด้วยกัน แม้ว่าเปรี้ยวจะบอกว่าทำคนเดียวแต่ศาลอาจจะไม่เชื่อ เพราะถ้าไม่มีวศิน ไม่มีคนช่วย ก็ไม่สามารถฆ่าหรือเอาขึ้นรถได้ ก็เป็นการฟ้องร่วมซึ่งจะมีโทษเท่ากัน ยกเว้นศาลจะปราณีว่าให้การเป็นประโยชน์” นายนภดล กล่าว
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: