ผู้สื่อข่าวรายงาน ตลอด 2 วันที่ผ่านมา ที่ด่านพรมแดนนากระเซ็ง ต.อาฮี อ.ท่าลี่ มีรายงานถึง ประชาชนชาว สปป.ลาว ที่เดินทางมาจากกรุงเทพฯ และในพื้นที่ใกล้เคียง ไม่ว่าจะเป็นเพชรบูรณ์ พิษณุโลก ขอนแก่น หนองบัวลำภู หลังได้รับผลกระทบจากรัฐบาลไทยมีมาตรการปิดร้านอาหาร สถานบริการ และประกอบการต่างๆ เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อโควิด-19 จำนวนกว่า 70 คน ติดค้างไม่สามารถข้ามแม่น้ำเหืองไปฝั่ง สปป.ลาวได้ วันนี้เป็นวันที่ 2 เนื่องจากเจ้าแขวงไชยะบุรี ได้ทำหนังสือไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดเลย พะเยา น่าน และจังหวัดอุตรถิตถ์ แจ้งปิดด่านพรมแดนที่ติดต่อกับประเทศไทย ทั้งหมด 5 แห่ง เริ่มมีผลอย่างเร่งด่วนในวันที่ 3 เมษายน ที่ผ่านมา โดยไม่มีการอนุโลมให้คนลาวข้ามไปได้เหมือนช่วงก่อนหน้านี้
โดยหนังสือด่วนฉบับดังกล่าวระบุว่า เนื่องจากสภาพปัจจุบันที่การระบาดของโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ (COVID-19) ในทั่วโลก ทำให้มีผู้ติดเชื้อเป็นจำนวนมาก และมีการแพร่ระบาดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในทั่วโลก และประเทศ ใกล้เคียง กลายเป็นการระบาดใหญ่ เพื่อเป็นการป้องกันและสกัดกั้น พร้อมทั้งเป็นการลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดการติดเชื้อ และการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19แขวงไชยะบุรีขอถือเป็นเกียรติอย่างสูงแจ้งมายังท่านทราบเกี่ยวกับการปิดการเดินทางของบุคคล เข้า – ออกด่านสากล 4 แห่ง (ด่านสากลสะพานมิตรภาพน้ำเหือง เมืองแก่นท้าว , ด่านพู เมืองปากลาย , ด่านน้ำเงิน เมืองเงิน และด่านปางนอน เมืองคอน) ของแขวงไซยะบูลีเป็นการชั่วคราว เริ่มแต่วันที่ 3 เมษายน 2020 เป็นต้นไป จนกว่าสถานการณ์แพร่ระบาดจะกลับคือสู่สภาพปกติ เพื่อยุติการเข้า-ออกของบุคคล รวมทั้งผู้ที่ได้รับอนุญาตแล้ว แต่ยังไม่ทันได้ออก หรือเข้ามา ส่วนพาหนะขนส่งสินค้าของผู้ประกอบการด้านการขนส่งที่ได้รับอนุญาตดำเนินธุรกิจ ถูกต้องตามกฎหมายและระเบียบการ สามารถเข้า-ออกได้ แต่ต้องปฏิบัติตามขั้นตอนและคําแนะนำของด่านสากล หนังสือระบุ
วันนี้ ในช่วงเช้าถึงเที่ยงที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ด่านศุลกากร เจ้าหน้าที่ปกครอง ประจำด่าน มาทำการตรวจเช็คชาวลาวเบื้องต้น โดยการวัดอุณหภูมิ วัดไข้ ในจำนวน 70 คน ของประชาชนชาวลาว นั้น มีอุณหภูมิสูง 5-7 คน อุณหภูมิร่างกายสูง ผิดปกติ มากกว่า 37.3 องศา ก็ต้องมีการจำแนกออกจากกลุ่ม ซึ่งจะต้องมีการตรวจวัดอยู่หลายครั้ง และหากมีการวัดซ้ำหลายๆครั้งแล้วอุณหภูมิร่างกายยังสูงอยู่ ก็จะให้ทางสาธารณสุขอำเภอท่าลี่ นำตัวไปยังโรงพยาบาลท่าลี่ 3 คน เพื่อตรวจสอบวัดไข้อีกครั้งหนึ่งเพื่อเข้าสู่กระบวนการคัดกรอง
ล่าสุด 16.00 น. นายโสภณ สุวรรณรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเลย หลังได้รับมอบหมายจากนายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย เดินทางลงพื้นที่ เพื่อรับทราบและแก้ไขปัญหาที่มีคนลาวตกค้างจำนวนมาก ซึ่งได้ไปทำความเข้าใจ กับกลุ่มคนลาวว่าหาก เดินทางมาที่ด่านพรมแดนนากระเซ็ง ต.อาฮี อ.ท่าลี่ หากก่อนนี้อยู่ในพื้นที่จังหวัดเลย หรือพื้นที่ใกล้เคียงก็ขอให้เดินทางกลับโดยให้ญาติ พี่น้องหรือนายจ้าง มารับกลับไป แต่หากไม่สามารถ เดินทางกลับไปได้นั้น ทางอำเภอท่าลี่ จัดให้ไปอยู่ในสถานกักตัว ซึ่งทางอำเภอได้จัดไว้ให้เฉพาะกิจ 2 แห่งด้วยกัน คือศาลาวัดหลวงปู่ลาดทรงธรรม และศูนย์โอท็อป อ.ท่าลี่ โดยทางจังหวัดได้เตรียมทีมบุคคลกรทางการแพทย์ไว้คัดกรองตรวจร่างกายทุกเช้า และจัดเตรียมข้าวกล่องให้จำนวน 3 มื้อทุกวัน รองผู้ว่าราชการจังหวัดเลย ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมสถานที่กักตัวและชี้แจงแนวทางให้แก่ราษฎร สปป.ลาว ที่ตกค้างไม่สามารถข้ามด่านกลับประเทศได้ เนื่องจากทางการ สปป.ลาว ได้ประกาศแจ้งให้ด่านพรมแดนไทย ลาว ให้ทำการปิดด่านเป็นการชั่วคราว ระหว่างวันที่ 3 – 19 เม.ย.63 เป็นเหตุให้แรงงานลาวตกค้างที่อำเภอท่าลี่ จำนวน 95 คน. (16.30 น. ปิดด่าน)
จากนั้น นายโสภณ สุวรรณรัตน์ รองผู้ว่าฯ ได้ให้กำลังใจและทำความเข้าใจกับแรงงานชาวลาวทุกคน.ที่หน้าด่าน พร้อมกับทำความเข้าใจ ในเรื่องของพาสปอร์ตหรือหนังสือเดินทางของคนลาว ว่า หากเดินทางไป สปป ลาว ไม่ได้ ทางประเทศไทยทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ทำเรื่องไปยังรัฐบาล เพื่อขยายเวลาให้กับพี่น้องชาวลาวที่อยู่ในประเทศไทย ที่ไม่สามารถเดินทางข้ามไปต่อพาสปอร์ตได้ ไปจนถึงปลายเดือนเมษายน
นายโสภณ กล่าวต่ออีกว่า คนลาวที่อยู่ที่อำเภอท่าลี่นี้ ไม่ได้เป็นผู้ติดเชื้อ แต่เป็นผู้ที่เดินทางจะกลับประเทศลาว แต่ไม่สามารถเดินทางกลับได้ จำเป็นต้องกักตัวตามกฏหมายไทย ที่มี ณ วันนี้ ไม่ได้หมายความเขาป่วย ทั้งหมดเป็นกระบวนการคัดกรองเฝ้าระวัง ให้พี่น้องชาวอำเภอท่าลี่ ชาวเลย สบายใจได้ เราทำตามกระบวนการคัดกรองทุกอย่าง ตามที่กระทรวงสาธารณะสุขกำหนดทุกประการ
