คณะสื่อมวลชนจากอินโดนีเซีย เข้าพบปะแม่ทัพภาคที่ 4 ร่วมหารือ สานสัมพันธ์ เพิ่มช่องทางการรับรู้ขยายผลสร้างความเข้าใจสู่สาธารณะ
เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2562 ที่ห้องประชุม 1 กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร อ.ยะรัง จ.ปัตตานี พลโท พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 /ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ให้การต้อนรับ คณะสื่อมวลชนจากประเทศอินโดนีเซีย นำโดย พันเอก อาดัม อากูส ฮาโตโน่ (Kol Adm Agus Hartoto)(Puskompublik) ผู้แทนกระทรวงกลาโหมอินโดนีเซีย และคณะ ในโอกาสเดินทางลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อรับฟังสถานการณ์ข้อเท็จจริงในพื้นที่จาก กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ตลอดจนศึกษาพื้นที่เรียนรู้ชุมชนพหุวัฒนธรรม เพื่อนำไปเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ ขยายผลผ่านสื่อของอินโดนีเซีย ให้ประชาชนได้รับรู้รับทราบอย่างถูกต้อง
พลโท พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 /ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 กล่าวว่า รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่คณะสื่อจากอินโดนีเซียได้เดินทางมา รับฟังผลการปฏิบัติงานของกองอำนวยรักษาความมั่นคง ภายในภาค 4 ส่วนหน้า ในวันนี้ ถือเป็นโอกาสดีที่จะได้ รับทราบข้อเท็จจริงในการดำเนินงานในการแก้ไขปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงจะได้หารือ แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น เกี่ยวกับสถานการณ์และแนวทางการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ต่อไป
ในการเดินทางมาประสานงานของท่านและคณะในครั้งนี้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า จะได้นำ ข้อเสนอแนะข้อคิดเห็นจากคณะเพื่อมาพิจารณาใช้ประโยชน์ ในการดำเนินงานของหน่วยให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้าได้ดำเนินการเปิดค่ายพักพิงเพื่อการบำบัด Camp 35 เพื่อเดินหน้าแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่ชายแดนภาคใต้อย่างจริงจัง ซึ่งดำเนินการตามแนวทางการบำบัดรักษาและแก้ไขปัญหายาเสพติดที่ครอบคลุมทั้งมาตรการด้านการป้องกัน ปราบปราม การบำบัดรักษาและการติดตามดูแลช่วยเหลือผู้ผ่านการบำบัดยาเสพติดอย่างจริงจังและเกิดผลเป็นรูปธรรม ถือเป็นโอกาสดีที่ทางคณะได้มาสัมผัสและติดตามผลการดำเนินงานของรัฐบาลไทยในการแก้ไขปัญหายาเสพติดที่เป็นทุกข์อันดับหนึ่งของคนในพื้นที่อีกด้วย
ด้านพันเอก อาดัม อากูส ฮาโตโน่ (Kol Adm Agus Hartoto)(Puskompublik) ผู้แทนกระทรวงกลาโหม ประเทศอินโดนีเซีย กล่าวว่า หลังจากที่คณะได้มารับฟังข้อมูลต่างๆจากหน่วยในพื้นที่ ซึ่งเป็นข้อมูลที่ได้รับจากเจ้าของพื้นที่โดยตรงนั้นเป็นสิ่งที่ดีมาก ทำให้เข้าใจสภาพความเป็นจริงมากขึ้น ทางคณะและสื่อมวลชนจะนำข้อมูลเหล่านี้ไปเผยแพร่และถ่ายทอด ให้กับประชาชนในประเทศอินโดนีเซียได้รับรู้ รับทราบถึงข้อมูลที่แท้จริง เพื่อให้ประชาชนชาวมุสลิมได้เข้าใจกับปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่อย่างแท้จริงต่อไป
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: