พังงา-มะละกะ…ผลไม้สุดแปลกคล้ายลางสาดและไม่ใช่ลองกอง ผลไม้หากินยากของ อ.ตะกั่วป่า
ในช่วงเดือนสิงหาคมถึงเดือนกันยายนของทุกปี จะเป็นช่วงเวลาที่ ลูกมะละกะ ผลไม้ชื่อดังประจำ อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา ออกสู่ท้องตลาด ให้ผู้ที่ชื่นชอบได้ลิ้มชิมรส ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ที่มีรูปร่างของผลคล้ายกับลองกองและลางสาด ซึ่งคนที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนก็จะไม่สามารถแยกไม่ได้เลย แต่เมื่อได้ลองลิ้มชิมรสชาติของมันแล้ว ก็จะรู้ได้เลยว่าแตกต่างกับลองกองและลางสาดอย่างชัดเจน เพราะมะละกะ มีความหวานแบบเย็นๆ เนื้อแห้ง เคี้ยวหนึดๆคล้ายกับวุ้นมะพร้าวหรือเยลลี่ ปอกเปลือกออกมาแทบจะไม่มียาง ทำให้ได้รับความนิยมในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียงเป็นอย่างมาก แต่ผลผลิตมีน้อยจนต้องมีการสั่งจองในช่วงที่ผลผลิตเริ่มออกสู่ตลาด และทำให้มีราคาสูงกว่าลองกองและลางสาด นายประวุฒิ ลิ่มอ้อ อายุ 46 ปี เกษตรกร ที่บ้านบางลาน ม.5 ต.โคกเคียน อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา กล่าวว่า ต้นมะละกะที่พ่อแม่ปลูกไว้ 5 ต้นน่าจะมีอายุมากกว่า 50 ปี เพราะเมื่อตนเองจำความได้ก็มีอยู่แล้วภายในสวนผลไม้ใกล้บ้าน ชาวบ้านในพื้นที่ก็มีกันบ้านละ 4-5 ต้น ไม่ได้มีการปลูกเป็นสวนเหมือนกับลองกองหรือลางสาด นอกจากความแตกต่างในเรื่องของรสชาติแล้ว ในส่วนของลำต้นและใบก็ต่างกัน เปลือกลำต้นของมะละกะจะขรุขระกว่าลองกองและลางสาด ใบมีลักษณะมลกว่าและใหญ่กว่า ส่วนระยะเวลาจากออกดอกจนถึงเก็บเกี่ยวก็พอๆกัน ผลจะเป็นช่อเหมือนกัน แต่มะละกะผลจะร่วงหลุดจากช่อง่ายกว่ามากทำให้ที่วางขายกันอยู่มักจะไม่ค่อยมีเป็นช่อๆ ปัจจุบันยังไม่มีเกษตรกรรายใดทำเป็นสวนมะละกะโดยเฉพาะ แต่จะปลูกแซมในสวนผลไม้อื่นเท่านั้น สำหรับปีนี้ช่วงผลผลิตออกใหม่ๆขายได้กิโลกรัมละ 90 บาท ล่าสุดกิโลกรัมละ 30-50 บาท นายสราวุฒิ ธนาเจริญสกุล นายอำเภอตะกั่วป่า เปิดเผยว่า มะละกะ เป็นผลไม้ตระกูลเดียวกับลางสาดและลองกอง เริ่มปลูกครั้งแรกที่บ้านบางลาน ต.โคกเคียน อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา โดยเล่ากันว่ามีชาวอำเภอตะกั่วป่านำเมล็ดมาจากประเทศอินโดนีเซียมาเริ่มปลูก จากนั้นก็ได้มีการขยายพันธุ์ไปปลูกในพื้นที่ใกล้เคียง แต่ไม่ได้มีการปลูกเพื่อการค้า ทำให้มีกันบ้านละไม่ถึง 10 ต้น คาดว่ามีพื้นที่ปลูกรวมกันไม่ถึง 5 ไร่ เนื่องจากเป็นผลไม้ที่แปลกมีรสชาติและเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทางอำเภอตะกั่วป่าเตรียมจะส่งเสริมให้มีอนุรักษ์ และปลูกเพิ่มขึ้นให้เป็นผลไม้ประจำอำเภอตะกั่วป่า อีกชนิดหนึ่ง
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: