ททท.ระบุโมโตจีพีครั้งแรกในประเทศไทย ทำเงินสะพัดกว่า 3 พันล้านบาท สร้างบุรีรัมย์เป็นเมืองสปอร์ตทัวริสซึ่มระดับโลก
ที่บูธนิทรรศการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ภายในงาน โมโตจีพี รายการ พีทีที ไทยแลนด์ กรังปรีซ์ 2018 ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยนายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) และคณะผู้บริหารการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) นำสื่อมวลชนในประเทศและต่างประเทศ เข้าเยี่ยมชมบูธประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวของเมืองไทย ที่มุ่งเน้นไปที่การนำเสนอเรื่องราวของภาคอีสาน รวมถึงการจัดกิจกรรม D.I.Y. นำเสนอของดีอีสานคือเทียนหอมอุบลฯ และผ้าย้อมครามสกลนคร โดยมีหุ่นน้องสุขใจในชุดผ้าพื้นเมืองอีสาน และ“ผีตาโขน”(จ.เลย) มาร่วมสร้างสีสันภายในงาน
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) เปิดเผยว่า การท่องเที่ยวเชิงกีฬา ( Sport Tourism ) จะเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ เป็นการท่องเที่ยวที่มีค่าใช้จ่ายสูงกว่าปกติ โดยผู้ที่มาร่วมกิจกรรมนั้นจะมีการวางแผน การเดินทางทั้งก่อนงานและหลังงาน ทำให้มีการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว ปกตินักท่องเที่ยวที่มาบุรีรัมย์มีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยประมาณ 2 พันบาทต่อคน แต่มาคราวนี้มีการใช้จ่ายมากขึ้นกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเดินทางเข้ามาในพื้นที่ รวมทั้งห้องพัก ร้านอาหาร ของที่ระลึกต่างๆ เท่าที่ได้รับรายงานคือขายดีเกือบทุกอย่าง บางอย่างหมด ไม่พอขายอีกด้วย ในส่วนของ “การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)” ได้มาร่วมออกบูธประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวของเมืองไทยในงานครั้งนี้ โดยมุ่งเน้นไปที่การนำเสนอเรื่องราวของภาคอีสาน โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่อีสานใต้ ได้แก่ จังหวัดบุรีรัมย์ นครราชสีมา สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี และ ชัยภูมิ
สำหรับการแข่งขันโมโตจีพี ไทยแลนด์ ที่ จ.บุรีรัมย์ครั้งนี้ ทางผู้จัดการแข่งขันได้สรุปยอดผู้เข้าชมว่า มีมากกว่า 2.2 แสนคน แบ่งเป็น ชาวต่างชาติ 25% และคนไทย 75% โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุว่า การแข่งขัน โมโตจีพีไทยแลนด์นั้น สามารถสร้างรายได้โดยรวมได้มากกว่า 3,100 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้ที่เกิดขึ้นในจังหวัดบุรีรัมย์ จำนวน 2,470 ล้านบาท และพื้นที่จังหวัดใกล้เคียง เช่น ขอนแก่น สุรินทร์ นครราชสีมา รวมจำนวน 630 ล้านบาท
นอกจากนี้ ประเทศไทยยังได้ถูกยกระดับเป็น 1 ในจุดหมายปลายทางด้านการแข่งขันจักรยานยนต์ของโลก ผ่านสายตาผู้ชมจากทั่วโลกเกือบ 1 พันล้านคน และคาดว่าปีถัดไป หากประเทศไทยมีการเตรียมความพร้อมในการรองรับผู้ที่ชื่นชอบการแข่งขันจักรยานยนต์ เชื่อว่าประเทศไทยจะได้รับประโยชน์จากการจัดการแข่งขันดังกล่าวเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน
