โวย…ผู้ป่วยประกันสังคมเดือดร้อนหนัก หลังกองทุนประกันสังคมค้างส่งยามะเร็งให้โรงพยาบาล อ้างกำลังจัดซื้อยาตัวใหม่ เตรียมฟ้องศาลหากเปลี่ยนยาโดยไม่ถามผู้ป่วย
วันที่ 5 พฤศจิกายน 2561 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากผู้ใช้แรงงานชาวพังงารายหนึ่งว่า ตนเองป่วยเป็นโรคโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเรื้อรังแบบมัยอีลอยด์ (CML) รักษาตัวที่โรงพยาบาลศูนย์สุราษฏร์ธานี โดยใช้สิทธิประกันสังคม มาเป็นระยะเวลาประมาณ 6 ปีมาแล้ว และจะไปพบแพทย์รับยา 2 เดือนต่อครั้ง จากการไปรับยาครั้งล่าสุดก็พบกับปัญหาว่า ทางโรงพยาบาลศูนย์สุราษฏร์ธานี ไม่สามารถจ่ายยา Glivec (หรือเรียกว่า Imatinib)ให้ได้ครบตามจำนวนที่จำเป็นต้องใช้ในระยะเวลา 2 เดือนได้ สาเหตุเกิดจากทางกองทุนประกันสังคม ซึ่งเป็นผู้จัดซื้อและส่งยาตัวนี้มาให้กับทางผู้ป่วยเอง ได้หยุดส่งยามาให้กับทางโรงพยาบาลศูนย์มาระยะหนึ่งแล้ว พร้อมกับให้สำรองจ่ายยาของผู้ป่วยตามสิทธิอื่นไปให้ก่อน เพราะทางกองทุนประกันสังคมกำลังจัดซื้อยาจากบริษัทอื่นที่มีราคาถูกกว่าส่งมาคืน ทำให้ขณะนี้มียอดค้างยาอยู่กับทางโรงพยาบาลเกือบ 2,000 เม็ด นับเป็นปัญหาที่ทางกองทุนประกันสังคมโยนมาให้กับโรงพยาบาลศูนย์ โดยให้ผู้ป่วยสิทธิประกันสังคมกลายเป็นหนูทดลองยา ทั้งๆที่ต้องจ่ายเงินสมทบกองทุนประกันสังคมในทุกๆเดือน และ ตนเองได้เตรียมฟ้องกองทุนประกันสังคมต่อศาลปกครอง เพราะถือว่าได้ละเมิดสิทธิของผู้ป่วย และผู้ประกันตน
นายจีระพล ไชยมงคล ประธานชมรมผู้ป่วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเรื้อรังแบบมัยอีลอยด์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเรื้อรังแบบมัยอีลอยด์เป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวที่รุนแรงและอันตรายถึงชีวิต โรคมะเร็งไม่ใช่ไข้หวัดธรรมดา ที่จะได้เอายาอะไรก็ได้มาทดแทนให้ผู้ป่วย ทางชมรมฯได้ทราบข่าวว่า สิทธิบัตรของยา Glivec (หรือเรียกว่า Imatinib) หมดอายุแล้ว และมียา Imatinib ยี่ห้ออื่นที่อาจจะนำมาใช้ทดแทน ทางชมรมฯและเพื่อนผู้ป่วยมีความรู้สึกกังวลใจในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก เพราะทางสำนักงานประกันสังคม สิทธิ์ข้าราชการ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)จะเปลี่ยนยี่ห้อยา Imatinib ยี่ห้ออื่นให้แก่ผู้ป่วย เพราะโรคมะเร็งฯ เป็นโรคที่ถึงแก่ชีวิต และการรักษาด้วยยายี่ห้อเดิมสามารถยืดอายุผู้ป่วยได้มากกว่า 20 ปีมาแล้ว แต่เนื่องจากยายี่ห้ออื่นยังไม่มีการใช้ในผู้ป่วยไทย ทางชมรมฯและเพื่อนผู้ป่วยขอแสดงเจตนารมณ์ที่อยากจะใช้ยา Imatinib ยี่ห้อเดิมเหมือนเดิม เพราะไม่รู้ว่ายาตัวใหม่จะมีผลข้างเคียงอะไรหรือไม่ จะทำให้อาการแย่ลงหรือเสี่ยงต่ออาการแทรกซ้อนอื่นๆหรือไม่ ทั้งนี้ ไม่อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาจากราคาของยาแต่เพียงอย่างเดียว อยากให้พิจารณาการปนเปื้อนหรือสรรพคุณของตัวยา นั้นๆด้วย และล่าสุดทราบว่ามีการจัดซื้อยาจากบริษัทอื่นซึ่งมีราคาถูกกว่ายาตัวเดิมเรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะมีการส่งยาตัวนี้ไปคืนให้กับทางโรงพยาบาลที่สำรองจ่ายยาตัวเก่าไปให้ก่อน โดยจะไม่มีการคืนค่าส่วนต่างของราคายาให้กับทางโรงพยาบาลอีกด้วย นับว่ากองทุนประกันสังคมเห็นแก่ประโยชน์ขององค์กรตัวเอง โดยให้ผู้ป่วยสิทธิประกันสังคมเป็นตัวประกัน
“อย่าเอายาราคาถูกกว่ามาทดลองกับชีวิตคนไข้”ทางชมรมฯทราบดีว่ามีปัจจัยในการพิจารณาหลายอย่างในการจัดซื้อยา แต่อยากให้พิจารณาถึงชีวิตและผลการรักษาของผู้ป่วยเป็นหลัก ดังนั้นจึงขอให้พิจารณาจัดหายายี่ห้อเดิมให้แก่ผู้ป่วยต่อไป หรือไม่อย่างน้อยคนเก่าที่เคยรักษาได้ผล ให้รักษาด้วยยาตัวเดิมต่อไป ส่วนหากจะมีการใช้ยาตัวใหม่ก็ให้พิจารณาใช้สำหรับคนไข้ใหม่ที่สามารถศึกษาผลการรักษาได้ชัดเจนไม่ใช่เอาคนเก่าที่รักษาได้ผล ไปขึ้นแท่นประหาร เพราะผู้ป่วยรอดมา 20 ปี จะให้กลับไปเสี่ยงชีวิตอีกทำไม ?
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: