ขายข้าวเปลือกตันละกว่า 30,000 บาท ข้าวไร่พันธุ์ดอกข่าข้าวพื้นเมืองจังหวัดพังงา อาชีพเสริมเกษตรกรสร้างรายได้งาม
ที่แปลงข้าวไร่หน้าสหกรณ์กองทุนสวนยางบ้านบางทอง อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา นายสิทธิชัย ศักดา ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา เป็นประธานเปิดงานสืบสานและอนุรักษ์ข้าวไร่ดอกข่าพันธุ์พื้นเมือง “วันข้าวไร่ดอกข่า” ปีที่ 2 โดยมีนายบำรุง ปิยนามวาณิช นายก อบจ.พังงา นายสุพงษ์วินัย ชูยก นายอำเภอท้ายเหมือง ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำชุมชน และเกษตรกรตำบลบางทองเข้าร่วมงาน เพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่าเมื่อถึงเดือนพฤศจิกายนของทุกปี จะเป็นช่วงที่เข้าสู่ฤดูการเก็บเกี่ยวข้าวไร่ และยังเป็นประชาสัมพันธ์ข้าวไร่ดอกข่า ซึ่งเป็นข้าวประจำถิ่นของตำบลบางทอง พร้อมร่วมสืบสานวัฒนธรรมตั้งแต่กระบวนขอขมาพระแม่โพสพก่อนการเก็บเกี่ยว พิธีผูกข้าว การลงแขกเกี่ยวข้าว และการนวดข้าว
ภายในงานได้นำเกษตรกรมาสาธิตวิธีการแปรูปข้าวด้วยวิธีต่างๆ ออกมาเป็นผลิตภัณฑ์หลากหลายชนิด เช่น การทำขนมครกจากข้าวไร่ การโม่แป้งจากข้าว การตำข้าวเม่า การทำข้าวซ้อมมือ การฝัดเพื่อนำเปลือกออกจากเมล็ด การหุงข้าวโดยใช้กระบอกไม้ไผ่ รวมถึงนิทรรศการความเป็นมาของข้าวไร่ดอกข่า การเพาะปลูกข้าว การกำจัดศัตรูข้าว เป็นต้น
ข้าวไร่ดอกข่ามีอายุมานับร้อยปี ส่งต่อพันธุ์ข้าวจากรุ่นสู่รุ่น ซึ่งบรรพบุรุษได้ทำการคัดพันธุ์ข้าวที่เหมาะสมสำหรับเพาะปลูกในพื้นที่ดอนมาหลากหลายพันธุ์ จนปัจจุบันยังคงเหลือให้เห็นเฉพาะข้าวไร่ดอกข่าเท่านั้น ซึ่งเป็นพันธุ์ที่ชาวบ้านนิยมรับประทาน มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นคือ มีเมล็ดสีน้ำตาลแดง เรียวยาว หุงขึ้นหม้อ มีกลิ่นหอมเหมือนใบเตย สหกรณ์กองทุนสวนยางบ้านบางทอง จึงได้เริ่มทำธนาคารเมล็ดพันธุ์ข้าวไร่ดอกข่า เพื่อให้เกษตรกรและสมาชิก ได้มีเมล็ดพันธุ์ที่มีคุณภาพไว้ทำการเพาะปลูก และยังได้รวบรวมผลผลิตของสมาชิกเพื่อการแปรรูปและจำหน่าย ปัจจุบันมีสมาชิกผู้ปลูกข้าวจำนวน 60 คน พื้นที่ปลูก 200 ไร่ ผลผลิตเฉลี่ย 250 กก.ต่อไร่ จำหน่ายในราคา 60 บาทสำหรับแบบขัด และ 65 บาทสำหรับข้าวกล้อง ส่วนข้าวเปลือกเกษตรกรสามารถขายได้ตันละกว่า30,000บาท
