ภูริ หิรัญพฤกษ์ โพสต์เฟส หมู่เกาะสิมิลันวันนี้ ไม่ได้เป็นพรีเมี่ยมเหมือน 20 ปีที่ผ่านมาอีกแล้ว วอนจำกัดนักท่องเที่ยวและขึ้นค่าธรรมเนียม
วันที่ 9 มี.ค.61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นาย ภูริ หิรัญพฤกษ์ พิธีกรรายการ วิวไฟน์เดอร์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊ค Viewfinderthailand หลังจากกลับมา หมู่เกาะสิมิลัน อีกครั้ง ซึ่งไม่เหมือนกับ 20 ปีที่ผ่านมา โดยมีความวิตกกังวลถึงปริมาณนักท่องเที่ยว ที่ไม่สมดุลกับจำนวนสาธารณูปโภค พร้อมทั้งแนะนำให้เพิ่มค่าธรรมเนียมและควบคุมปริมาณผู้ที่จะขึ้นไปเหยียบเกาะ ซึ่งจะเป็นทางออกที่ดีสำหรับทุกฝ่าย “อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน สำหรับผมเคยเป็นอุทยานแห่งชาติทางทะเลที่สวยงามที่สุดในประเทศไทย เต็มไปด้วยแนวปะการังที่มีปลาสวยงามมากมาย ชายหาดขาว น้ำทะเลใส ดำน้ำลงไปก็มีแต่ปลามากมาย ชายหาดก็เงียบสงบไม่มีผู้คน หาบเร่ขายของ ด้านบนเกาะเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ๆ มีนกที่หาดูยากอยู่บนเกาะมีความสมบูรณ์ทางระบบนิเวศน์ และนักดำน้ำชาวต่างชาติเคยยกให้สิมิลันเป็น Top 5 ของ Diving destination ที่ดีที่สุดของโลกใบนี้ ถือว่าเป็น แหล่งท่องเที่ยว ระดับ World Class ของประเทศไทย ผมยังจำได้เมื่อ 20 ปีที่แล้วที่เดินทางไปสิมิลัน รู้สึกว่ากว่าจะมาถึงมันยากมาก และมันคุ้มค่ากับการเดินทางมาที่สุด อยากจะกลับมาอีก แต่จากการกลับมาเยือนในครั้งล่าสุด ความคิดของผมเปลี่ยนไป สิมิลันน่าเที่ยว เงียบสงบ และ บรรยากาศดี แค่ช่วงหลัง 4 โมงเย็น ถึง 9 โมงเช้า เพราะตั้งแต่ เกือบ ๆ 10 โมงเช้าถึง บ่ายสามโมง จะมีเรือเร็วนำเที่ยวพานักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เกิน 50% เป็นนักท่องเที่ยวชาวจีน มาเที่ยวบนเกาะ และไปดำน้ำตื้น ตามจุดต่างๆ รอบๆ อุทยาน ชายหาดเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว ไม่มีที่แม้จะยืน ห้องน้ำต้องต่อคิวเข้าแถวกันยาวมากๆ ตามจุดดำน้ำตื้นตามแนวปะการังต่างๆ มีเรือเร็วต่อคิวรอจอดเพื่อต้อนนักท่องเที่ยวลงไปในทะเลเพื่อลอยตัวดูปะการัง นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ดำน้ำไม่แข็ง ใช้วิธีการใส่ชูชีพ แล้วไกด์ก็ให้เกาะพาลอยกันไป ตะโกนโหวกเหวก ต้อนกันไปเป็นแพ อาจจะเป็นวิธีการเพื่อความปลอดภัยในการดูแลของนักท่องเที่ยวของเค้า แต่ดูแล้วไม่เหมาะกับแหล่งท่องเที่ยวระดับพรีเมี่ยมของชาติไทย ตามความเห็นของผม นักท่องเที่ยวที่จะมาดำน้ำในอุทยานแห่งชาติระดับนี้ควรมีทักษะในการดำน้ำ ว่ายน้ำ และรู้วิธีการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ติดตัวไว้บ้าง จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ของอุทยาน ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติสิมิลัน วันละ 6000-8000 คนต่อวัน !!!!?!?!!?! เป็นจำนวนนักท่องเที่ยวที่เยอะเกินไปมากๆ เพราะมีชาดหาดที่นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นมาเดินเล่น ถ่ายรูป กินข้าว เข้าห้องน้ำ ได้เพียงแค่ 3 หาดเท่านั้น คือที่เกาะสี่ 2 หาด และ เกาะแปด 1 หาด นั่นหมายความว่าในช่วงเที่ยงๆ ของวัน จะมีนักท่องเที่ยวอยู่บนเกาะ หาดละ 2000 คน !!!! สารธารณูปโภคพื้นฐานต่างๆ ไม่เพียงพอกับจำนวนนักท่องเที่ยวขนาดนี้แน่นอน ห้องน้ำ น้ำจืด การกำจัดขยะ และการสอดส่องดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว ก็ต้องเสียกำลังคนเจ้าหน้าที่ของอุทยานไปทำหน้าที่ในส่วนบริการนักท่องเที่ยวซะส่วนใหญ่ หน้าที่ในการปกป้องทรัพยากรทางธรรมชาติจากการรุกรานของนักท่องเที่ยวก็ทำได้ไม่เต็มที่ ปะการังก็เสื่อมโทรม ปลาก็หนีนักท่องเที่ยว นกก็มุดเข้าป่าไม่มาแสดงตัว ปล่อยไว้แบบนี้ไม่ดีแน่ นักท่องเที่ยวเองเมื่อมาแล้วเจอคนเยอะแบบนี้ ก็ไม่ประทับใจอย่างแน่นอน แถมเมื่อคนเยอะมีเรือหลายลำรอเข้าพื้นที่(ซึ่งมีจำกัด) มีเรือลำอื่นมาจ่อ ไกด์ก็รีบโกยนักท่องเที่ยวไปยังจุดอื่นต่อ ท่องเที่ยวแบบรีบๆไปหมด ไม่ได้สัมผัสความสวยงามของสิมิลันเลย นักท่องเที่ยวที่มาแล้วเจอแบบนี้ไม่อยากกลับมาอีกแน่นอน ทำให้ไม่มีครั้งต่อไป เป็นการท่องเที่ยวที่ไม่ยั่งยืน น่าเสียดายที่เราเอาแหล่งท่องเที่ยวพรีเมี่ยมของประเทศเรามาขายถูกๆ ค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานสำหรับชาวต่างชาติ คิดแค่หัวละ 500 บาท คิดเป็นเงิน USD ไม่ถึง 20$ ถูกมากๆ เมื่อเทียบกับความสวยงามและ ทรัพยากรที่มีจำกัดของสิมิลัน ผมเคยไปประเทศเพื่อนบ้านอย่าง สิปาดัน ประเทศมาเลเซีย หรือ หลายแห่งในประเทศอินโดนีเซีย เค้าคิดค่าธรรมเนียม ในราคาที่สูงประมาณ 100usd ขึ้นไปถ้าผมจำไม่ผิด และมีการจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยว ที่จะเข้าพื้นที่อย่างชัดเจน ไม่มีการแอบ การมั่วเข้าพื้นที่ แหล่งท่องเที่ยวของเค้าก็ยังสวยงามไปกี่ครั้งก็ยังเหมือนเดิม เราก็จ่ายเงินไปแล้วรู้สึกคุ้มค่าที่ได้เดินทางไป ผมคิดว่า สิมิลัน ควรคิดราคานักท่องเที่ยวต่างชาติให้สูงขึ้น ประมาณ (100USD) และจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวให้เข้าพื้นที่ ไม่เกินวันละ 1000 คน ทำแบบนี้ รายได้เข้าอุทยานก็ยังได้เท่าเดิม และเราจะได้นักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพมากขึ้น เหมาะสมกับสิมิลันที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับพรีเมี่ยม หลายครั้งที่มีปัญหาแบบนี้ อุทยานแห่งชาติมักจะใช้วิธีการ ปิด ห้าม การเข้าพื้นที่ อย่าเช่น เกาะตาชัย อ่าวมาหยา โดยส่วนตัวผมคิดว่ามันคือการแก้ปัญหาเมื่อสายไปแล้ว และ ผู้ประกอบการที่เค้าลงทุนต่อเรือ ทำการตลาด จ้างพนักงานต่างๆ ไปแล้วเค้าจะเดินต่อไปอย่างไร ผมไม่อยากเห็นการปิดเกาะสิมิลัน แต่ผมอยากเห็นการเข้ามาบริหารจัดการการเข้าพื้นที่ของภาครัฐ การจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวและจำนวนเรือของผู้ประกอบการนำเที่ยว รวมไปถึงการจัดสรรอย่างเป็นธรรมกับทุกฝ่าย การวางแผนร่วมกัน เพื่อเป้าหมายเดียวกันคือ พัฒนาให้สิมิลันเป็นแหล่งท่องเที่ยวพรีเมี่ยมระดับโลกที่ยั่งยืน
นี่เป็นเพียงแค่ความคิดเห็นส่วนตัวของคนที่ผูกพันและรักเกาะสิมิลันเท่านั้นนะครับ
ภูริ หิรัญพฤกษ์
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: