พังงา- อบจ.พังงา จัดวันกตัญญูผู้สูงอายุ “ผู้สูงอายุไทย ก้าวไกล ไทยแลนด์ 4.0 : สูงวัย สูงคุณค่า สานภูมิปัญญาสู่ลูกหลานไทย”
เมื่อวันที่ 15 เมษายน 2561 ที่ศูนย์ศึกษาวิจัยศิลปกรรม วัฒนธรรม และประเพณีแห่งอันดามัน จังหวัดพังงา นายสิทธิชัย ศักดา ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา เป็นประธานเปิดงานวันกตัญญูผู้สูงอายุจังหวัดพังงา ประจำปี 2561 โดยมี นายบำรุง ปิยนามวาณิช นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพังงา นางสาวอุไรวรรณ ตัณฑอาริยะ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพังงา นายแพทย์อุทัย จินดาพล ประธานสาขาสมาคมสภาผู้สูงอายุแห่งประไทยประจำจังหวัดพังงา นางกัณตวรรณ ตันเถียร กุลจรรยาวิวัฒน์ นายจุฤทธิ์ ลักษณวิศิษฏ์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพังงา หัวหน้าส่วนราชการ ประชาชน และผู้สูงอายุในจังหวัดพังงา ทั้ง 8 อำเภอ เข้าร่วมกว่า 2,000 คน
นายบำรุง ปิยนามวาณิช นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพังงา กล่าวว่า รัฐบาลได้กำหนดให้วันที่ 13 เมษายน ของทุกปี เป็นวันผู้สูงอายุแห่งชาติ เพื่อส่งเสริมให้คนไทยและสังคมไทยตระหนักถึง ความสำคัญและเอาใจใส่ผู้สูงอายุ และกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ได้กำหนดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดงานผู้สูงอายุในปี 2561 ภายใต้แนวคิด“ผู้สูงอายุไทย ก้าวไกล ไทยแลนด์ 4.0 : สูงวัย สูงคุณค่า สานภูมิปัญญาสู่ลูกหลานไทย” การจัดกิจกรรมในครั้งนี้ อบจ.พังงาร่วมกับ ชมรมผู้สูงอายุจังหวัดพังงาและสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพังงาจัดขึ้รน เพื่อเป็นการส่งเสริมการดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุ ยกย่องเชิดชูเกียรติผู้สูงอายุดีเด่นในประเภทต่างๆและให้ผู้สูงอายุได้พบปะแลกเปลี่ยนประสบการณ์ซึ่งกันและกัน สืบสานประเพณีรดน้ำขอพรจากผู้สูงอายุ และสร้างจิตสำนึกให้ได้ตระหนักถึงความสำคัญของผู้สูงอายุในฐานะบุคคลที่ทำประโยชน์ต่อสังคม กิจกรรมในวันนี้มีการแสดงของผู้สูงอายุแต่ละอำเภอ การมอบประกาศเกียรติบัตรและของขวัญแก่ผู้สูงอายุดีเด่น รางวัลผู้สูงอายุดีเด่นระดับจังหวัด รางวัลผู้สูงอายุดีเด่นระดับอำเภอ รางวัลผู้สูงอายุ คู่แก้ว – คู่ขวัญระดับจังหวัดพังงา รางวัลชมรมผู้อายุดีเด่นจังหวัดพังงา รางวัลผู้สูงอายุ ประเภทอายุยืนยาวและประเภทสุขภาพดี การจัดนิทรรศการแสดงผลงานของผู้สูงอายุ และการรดน้ำขอพรจากผู้สูงอายุ
นายสิทธิชัย ศักดา กล่าวเพิ่มเติมว่า สังคมไทยเป็นสังคมที่ให้ความเคารพนับถือญาติผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ และถือว่าผู้สูงอายุเป็นบุคคลที่มีความสำคัญควรยกย่องให้เกียรติ เพราะเป็นผู้ที่มีพระคุณต่อครอบครัวและสังคม ปัจจุบันจำนวนผู้สูงอายุในประเทศไทยมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นทุกปี ซึ่งงมีสาเหตุมาจากความเจริญก้าวหน้าทางสาธารณสุขและทางการแพทย์ ตลอดจนประชาชนมีความรู้ความเข้าใจในการดุแลสุขภาพพลานามัยของตัวเองมากขึ้น รัฐบาลได้ส่งเสริมให้ครอบครัวเห็นความสำคัญและเอาใจใส่ผู้สูงอายุมากขึ้น โดยการสนับสนุนองค์กรภาคเอกชน องค์กรศาสนาและชุมชน ให้เข้ามามีส่วนร่วมในการช่วยเหลือดูแลผู้สูงอายุในรูปแบบต่างอย่างต่อเนื่อง สังคมไทยจึงไม่ทอดทิ้งและต้องดูแลผู้สูงอายุให้มีความสุขสบายตามอัตภาพ ซึ่งเป็นลักษณะของสังคมไทยดั้งเดิมที่เราทุกคนต้องรักษาไว้
