นครปฐม : ตำรวจภูธรภาค 7 เข้มมาตรการเคอร์ฟิวตามประกาศรัฐบาล วันแรกจะเน้นประชาสัมพันธ์ให้กับประชาชนได้รับทราบข้อปฏิบัติ พร้อมขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน อย่าออกนอกเคหะสถาน 4 ทุ่มถึงตี 4 ลดความเสี่ยงการแพร่ระบาด COVID-19
เนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ได้แพร่ระบาดไปทั่วโลก ซึ่งรวมทั้งประเทศไทย ที่ได้รับผลกระทบดังกล่าว ในสถานการณ์นี้ รัฐบาลจึงได้ประกาศใช้ข้อกำหนด ออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พุทธศักราช 2548 (ฉบับที่ 2) โดยห้ามบุคคลใดทั่วราชอาณาจักร ออกนอกเคหะสถาน ระหว่างเวลา 22.00 น.- 04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น
โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงได้สั่งการให้หน่วยปฏิบัติในพื้นที่ ร่วมบูรณาการในการจัดตั้งจุดตรวจ จุดสกัด ในพื้นที่รับผิดชอบ โดยร่วมกับฝ่ายปกครอง ฝ่ายทหาร และภาคีเครือข่าย ออกตรวจตราให้เป็นไปตามข้อกำหนด และจัดให้มีการปล่อยแถวระดมพร้อมกันทุกหน่วยทั่วประเทศ
วันที่ 3 เมษายน 2563 เวลา 21.00 น. ตำรวจภูธรภาค 7 จัดให้มีพิธีปล่อยแถวเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกหน่วย เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมีกำลังพลในพิธี ประกอบด้วย ชุดปฏิบัติการพิเศษ อินทรีย์ 7 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 7 สถานีตำรวจในพื้นที่จังหวัดนครปฐม และหน่วยปฏิบัติในพื้นที่ ได้แก่ กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว และกองบังคับการตำรวจทางหลวง รวมทั้ง ฝ่ายปกครอง ทหาร และภาคีเครือข่ายในพื้นที่
โดยมี นายชาญนะ เอี่ยมแสง ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม พร้อมด้วย พลตำรวจโท ธนา ชูวงศ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ร่วมเป็นประธานในการปล่อยแถว และมอบนโยบายให้กับกำลังพล โดยในวันแรกนี้ จะเน้นการประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชน เพื่อขอความร่วมมือปฏิบัติ และไม่ให้ออกนอกเคหะสถาน หรือ หากไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วน ก็ให้รีบกลับบ้านก่อนเวลา 22.00 นาฬิกา และห้ามออกจากเคหะสถานก่อนเวลา 04.00 น.
ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการควบคุมป้องกันการแพร่ระบาด ซึ่งหากใครฝ่าฝืน มีโทษจำคุก 2 ปี ปรับ 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ โดยอยากขอให้ประชาชนทุกคนปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ซึ่งในห้วงเวลา 6 ชั่วโมงนี้ ทางเจ้าหน้าที่ฯ จะได้ใช้เวลาทำความสะอาดบ้านเมือง และหากได้ผลดี มีการแพร่ระบาดลดลง ก็อาจขยายเวลาเป็น 8-10 ชั่วโมง
นายชาญนะ เอี่ยมแสง ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม ยังได้ประชาสัมพันธ์เพิ่มเติมว่า สถานการณ์ตอนนี้ ในพื้นที่จังหวัดนครปฐมในรอบ 3 วันที่ผ่านมา ไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ และอยากขอความร่วมมือประชาชนให้อยู่แต่ในเคหะสถาน เพื่อเป็นการช่วยควบคุมและลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งประชาชนทุกคนจะต้องให้ความร่วมมือ เพื่อที่เราทุกคนจะได้ผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปด้วยกัน.
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: