นครปฐม : ตำรวจแจ้ง 3 ข้อหาหนัก หนุ่มบิ๊กไบค์ชักปืนยิงเตะซ้ำร้านข้าวต้ม เจอข้อหา “พยายามฆ่า” โต้กลับแค่ป้องกันตัว “แฉ” สองแม่ลูก เรียกชดใช้ 2 แสน ขณะที่ตำรวจจ่อหมายเรียกพวกอีก 3 คน ดำเนินคดี
จากกรณี นางสาวสุนันท์ หรือเจ๊นันท์ อายุ 38 ปี เจ้าของร้านข้าวต้มโต้รุ่ง “เจ๊ดี&เจ๊นัน” อาหารตามสั่ง หน้าตลาดคุณาวรรณ เลขที่ 55/4 ม.7 ต.ทุ่งกระพังโหม อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ตั้งอยู่ริมถนนมาลัยแมนฝั่งขาเข้าตัวเมืองนครปฐม ร้องผ่านสื่อว่าลูกชาย คือ นายนันทวัฒน์ หรือ เวย์ อ่อนศิริ อายุ 19 ปี ถูกนายพัศพงษ์ อู่ตะเภา หรือ “เอกชิน” พร้อมพวก เข้ามาใช้บริการที่ร้านแล้วเกิดความไม่พอใจ ชักปืนยิงใส่ลูกชาย และรุมเตะ จนได้รับบาดเจ็บสาหัสที่แขนและข้อมือ เมื่อคืนวันที่ 16 สิงหาคม 2561 และแจ้งความไว้เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2561 ที่ สภ.กำแพงแสน จ.นครปฐม แต่เวลาล่วงเลยมา 2 เดือนกว่า คดีไม่มีความคืบหน้า ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2561 เวลาประมาณ 15.00 น. พ.ต.อ.ศุภเกียรติ เทิดตระกูล ผกก.สภ.กำแพงแสน พร้อม ด้วย พ.ต.ท.สมจิตร ยศหนองทุ่ม พนักงานสอบสวน เจ้าของคดี ได้ติดตามตัวนายพัศพงษ์ อู่ตะเภา หรือ เอกชิน ผู้ต้องหา และ นางสุนันท์ หรือเจ๊นัน และ นายนันทวัฒน์ หรือเวย์ อายุ 19 ปี บุตรชาย เข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อสอบสวนปากคำทั้ง 2 ฝ่าย พร้อมกับเปิดดูภาพเหตุการณ์จากกล้องวงจรปิด ในวันที่เกิดเหตุโดยละเอียดอีกครั้ง
หลังจากสอบสวนปากคำคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่ายเป็นที่เรียบร้อย ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหา พร้อมเขียนบันทึกจับกุมตัว นายพัศพงษ์ อู่ตะเพา หรือเอกชิน หนุ่มบิ๊กไบค์ที่ชักปืนออกมายิง และเตะนายนันทวัฒน์ หรือเวย์ ลูกชายร้านข้าวต้ม 3 ข้อหาด้วยกัน คือ 1.พยายามฆ่า 2.พกพาอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนเข้าไปในเมืองทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร และ 3.ร่วมกันทำร้ายร่างกาย ควบคุมตัวไว้เพื่อดำเนินคดีตามกฏหมาย
ส่วนพวกที่ร่วมกันก่อเหตุ เตะเข้าที่ใบหน้าตามที่ปรากฏในคลิป ทราบว่ามี 2 คน คือ นายเก่ง และ นายไมค์ ตำรวจจะได้มีการออกหมายเรียก ในข้อหา “ร่วมกันทำร้ายร่างกาย” หากยังไม่มาพบภายในกำหนด ก็จะขอศาลอนุมัติออกหมายจับต่อไป ส่วนชายเสื้อขาวที่ชักปืนออกมาในเหตุการณ์ และพยายามห้ามนายพัศพงษ์ คือ นายจักร มีการแยกแจ้งข้อกล่าวหา ในเรื่องของ การพกพาอาวุธปืน
นางสาวสุนันท์ หรือเจ๊นันท์ อายุ 38 ปี บอกว่าหลังจากที่ได้มาพบกับคู่กรณี ก็ยังรู้สึกไม่สบายใจเพราะเขาดูท่าทีไม่สลด และให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ตรงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลายอย่าง วันนี้ยังหวาดกลัวอยู่ กลางคืนต้องขายของด้วยความหวาดผวา เพราะมีคนในกลุ่มวันที่เกิดเหตุ พูดขู่ลูกชาย ว่า “มึงไม่รู้แล้ว ว่าเล่นกับใคร” ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าเรากำลังเจอกับใครจนถึงตอนนี้
ด้านนายพัศพงษ์ อู่ตะเภา หรือ เอกชิน คู่กรณี ได้ให้ข้อมูลทางโทรศัพท์ กับผู้สื่อข่าวว่า หลังเป็นข่าวตนเองไม่ได้อยากออกมาตอบโต้ผ่านสื่อ แต่ขอให้ตนเองได้พูดความจริงบ้าง เนื่องจากในวันเกิดเหตุ ตั้งใจจะไปกินข้าวเท่านั้น ไม่ได้คิดจะไปมีเรื่อง แต่พอนั่งสั่งอาหารสักพัก พบว่าลูกชายร้านข้าวต้มที่มารับออร์เดอร์พูดจากวนไปมาหลายครั้ง มีการหยิบโทรศัพท์มือถือของตนไปดู จากนั้นมายัดคืนใส่มือแบบกระแทก ทำให้ตนรู้สึกว่า เราเป็นลูกค้าแต่กลับได้รับการบริการที่ไม่ดี
นายพัศพงษ์ บอกอีกว่า มองเห็นรอยสักที่แขนของ นายเวย์ จึงแซวไปว่าอยู่แดนไหน แต่ก็ได้รับการตอบกลับมา แบบกวนๆว่า อยู่แดน 2 และเมื่อมีการนำอาหารมาตั้งก็ทำท่าทีกระแทกจาน ตนเองรู้สึกว่าไม่ได้รับความเคารพ นายเวย์ฯ เองก็พยายามเดินอ้อมหลังหลายครั้ง เมื่อมีปากเสียงกัน ฝ่ายของนายเวย์ พยามปรี่เข้ามาจะทำร้ายตนก่อน จึงได้ลุกขึ้นเพื่อจะป้องกันตัว โดยผลักตัวนายเวย์ออกไป ไม่ได้ยิงอย่างที่เป็นข่าว แต่ยอมรับว่า ร่วมกับเพื่อนเข้าไปเตะจริง แต่ตนเองเตะไม่โดน ซึ่งตนรู้สึกว่า ตำรวจตั้งข้อหาหนักเกินไป
นายพัศพงษ์ บอกอีกว่า หลังเกิดเรื่อง ทางเจ๊นันท์ แม่ของนายเวย์ ก็ให้คนติดต่อมาขอโทษตน ซึ่งตนก็ไม่ได้คิดอะไร และไม่ติดใจเอาความ แต่เมื่อมีการเจรจากัน กลับถูกให้มีการเรียกเงินค่าเสียหายถึง 2 แสนบาท จึงอยากจะให้กลับไปดูภาพจากกล้องวงจรปิด ก็จะบอกว่าตนให้ไม่ได้ ซึ่งคิดว่าน่าจะเป็นเพราะเงินที่เขาไม่ได้ จึงได้กลับไปแจ้งความ
ส่วนกรณีพกปืน นั้นยอมรับว่าพกจริง เพราะตนขี่รถบิ๊กไบค์ ราคาถึง 8 แสนบาท ต้องป้องกันไว้หากใครคิดจะมาชิงรถของตน ซึ่งขอท้าว่าในจังหวัดนครปฐม ใครที่ว่าเป็นคนดีมาเดินคู่กับตน อยากจะให้ดูว่าคนยกมือไหว้ใครมากกว่ากัน ตนเองเคารพความเป็นคนว่ามีสิทธิในความเป็นคนเท่ากัน และยืนยันว่าที่ตนเองทำไปนั้น มีสติไม่ได้เมาอย่างที่เป็นข่าว
นอกจากนี้นางสุนันท์ ได้แจ้งว่า ได้มีการสอบถามถึงการควบคุมตัวนายพัศพงษ์ เพื่อดำเนินคดี หลังมีการคัดค้านการประกันตัวตั้งแต่เมื่อวาน แต่ทราบว่าได้รับการประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวน ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก่อนหน้าที่ผู้ร่วมก่อเหตุอีก 2 คน ที่จะเข้ามอบตัวในวันนี้ หากไม่ได้รับความเป็นธรรม จะเดินหน้ายื่นเรื่องร้องเรียนไปยัง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม ต่อไป.
พิสิษฐ์ ปานวณิชยกิจ – ขนิษฐา ชื่นยินดี / ภาพ-ข่าว นครปฐม
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: