นครปฐม : ตำรวจ ทหาร ใช้อำนาจ คสช.ลุยค้นบ้านหนุ่มบิ๊กไบค์หัวร้อน ลูกชายอดีตกำนันดังโพรงมะเดื่อ ยึดปืน 11 มม. ที่ใช้ก่อเหตุยิงในร้านข้าวต้ม ส่วนเพื่อนร่วมก๊วนที่ชักปืนอีกคนในคลิปกล้องวงจรปิด ดอดเข้ามอบตัวแล้ว ส่วนอีก 2 คน หนีหมายจับคดียาเสพติด 1 คน ถูกจับคดียาเสพติดก่อนหน้านี้อีก 1 คน
วันนี้ 23 ตุลาคม 2561 จากกรณี คลิบภาพวงจรปิด ที่นางสุนันท์ และ นายนันทวัฒน์ อ่อนศิริ แม่ลูก เจ้าของร้านข้าวต้ม ที่ถูกนายพัศพงษ์ อู่ตะเภา อายุ 39 ปี เสี่ยรับเหมาก่อสร้าง ใช้อาวุธปืนยินในร้านและร่วมกับเพื่อนเตะเสยหน้า ที่ปรากฏเป็นข่าวที่ประชาชนให้ความสนใจในขณะนี้ โดยหลังเกิดเหตุ นายพัศพงษ์ หรือเอกชิน ได้เข้ามอบตัว และถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้ง 3 ข้อหาหนัก คือ พยายามฆ่า ร่วมกันทำร้ายร่างกาย และพกพาอาวุธปืนเข้าไปในเมือง ทางสาธาณะ ไปในเมืองหรือหมู่บ้าน โดยไม่มีเหตุอันควร ก่อนใช้เงินสด จำนวน 100,000 บาท ประกันตัวชั้นพนักงานสอบสวน ออกไปเมื่อกลางดึกของคืนวันที่ 22 ตุลาคม ที่ผ่านมา
ล่าสุดวันนี้ (23 ตุลาคม 61 ) เวลาประมาณ 09.00 น. พ.ต.อ.ศุภเกียรติ เทิดตระกูล ผกก.สภ.กำแพงแสน ได้รับการติดต่อจาก นายจักรินทร์ ศิลาประเสริฐ อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 59 ม.7 ต.ทัพหลวง อ.เมือง จ.นครปฐม หนึ่งในกลุ่มของนายพัศพงษ์ฯ หรือเอกชิน ที่ปรากฏภาพในกล้องวงจรปิด ชักอาวุธปืนออกมาขณะเกิดเหตุ และคอยห้ามไม่ให้นายพัศพงษ์ฯ เพื่อขอเข้ามอบตัว หลังถูกออกหมายเรียกในข้อกล่าวหา พกพาอาวุธปืน โดยมี ปุณมนัส หรือเก่ง เทียนทอง อายุ 29 ปี ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ได้มาเป็นพยานในการสอบสวน หลังสอบปากคำเป็นที่เรียบร้อย เจ้าหน้าที่จึงปล่อยตัวไป และนัดให้มาพบพนักงานสอบสวนอีกครั้ง เพื่อส่งฟ้องศาล
ข่าวน่าสนใจ:
ต่อมา เวลา 14.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ชุดสืบสวน สภ.กำแพงแสน ได้สนธิกำลังกับทหาร จากกรมการสัตว์ทหารบก ใช้อำนาจ คสช. เข้าตรวจค้นบ้านนายสุชิน หรือกำนันชิน อู่ตะเภา อายุ 59 ปี อดีตกำนันตำบลโพรงมะเดื่อ ซึ่งเป็นพ่อของนายพัศพงษ์ฯ ตรงตรงข้ามหน้า สภ.โพรงมะเดื่อ เพื่อขอตรวจค้นอาวุธปืนที่นายพัศพงษ์ฯ ใช้ก่อเหตุ โดยนายสุชิน หรือกำนันชิน ได้ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี โดยนำอาวุธปืน ขนาด 11 มม.ซึ่งนายพัศพงษ์ อ้างว่าเป็นปืนกระบอกที่ใช้ก่อเหตุ วันเดียวกันได้ไปค้นที่บ้านของนายจักรรินทร์ หรือจักร เพื่อหาอาวุธปืนที่พกมาในวันนั้นด้วย
ด้าน พ.ต.อ.ศุภเกียรติ เทิดตระกูล ผกก. สภ.กำแพงแสน เปิดเผยว่า ขณะนี้ ได้สรุปบุคคลที่ร่วมอยู่ในวันเกิดเหตุกับนายพัศพงษ์ฯ ประกอบด้วย นายพัศพงษ์ อู่ตะเภาพ หรือเอกชิน ผู้ชักอาวุธปืนยิง และร่วมทำร้ายร่างกาย นายเก่งกล้า พรหมชาติ อายุ 30 ปี หรือเบ๊นซ์ อยู่บ้านเลขที่ 104 ม.5 ต.หนองดินแดง อ.เมือง จ.นครปฐม ขณะนี้ถูกจับกุมในข้อหายาเสพติด เมื่อปลายเดือน กันยายนที่ผ่านมา ถูกจองจำอยู่ในเรือนจำกลาง จ.นครปฐม นายสหรัฐ หรือไมค์ อยู่บ้านเลขที่ 111/3 ม.6 ต.หนองดินแดง อ.เมือง จ.นครปฐม ยังไม่เข้ามอบตัวตามหมายเรียก ซึ่งทราบว่า นายสหรัฐ หรือไมค์ มีหมายจับของชุด ทั้งนี้ ในวันพรุ่งนี้ ทางพนักงานสอบสวน จะได้ทำการควบคุมตัว นายพัศพงษ์ อู่ตะเภา หรือเอกชิน ไปส่งฝากขังยังศาลส่วนความคืบหน้าทางด้านคดี ในส่วนของ นายพัศพงษ์ และ นายจักรินทร์ ที่เข้ามอบตัวแล้ว ได้ให้การปฎิเสธทุกข้อกล่าวหา ซึ่งเป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหา แต่ทางตำรวจได้รวบรวมหลักฐาน เช่น ภาพจากกล้องวงจรปิด รวมถึงพยานบุคคล ซึ่งอยู่ในกลุ่มของนายพัศพงษ์ฯ ในวันเกิดเหตุ ก็ให้การยืนยันว่านายพัศพงศ์ฯ เป็นคนยิงปืนจริง แม้นายพัศพงษ์ฯ จะปฏิเสธข้อกล่าวหาในชั้นพนักงานสอบสวนก็ตาม
พ.ต.อ.ศุภเกียรติ เทิดตระกูล ผกก. สภ.กำแพงแสน บอกอีกว่า กรณีที่ตำรวจทำงานล่าช้า เนื่องจากต้องรอผลและใบรับรองจากแพทย์ เกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของนายนันทวัฒน์ หรือเวย์ ผู้บาดเจ็บมาประกอบสำนวนคดี ส่วนกรณีการเรียกร้องเงินค่าเสียหาย จำนวน 200,000 บาท ทางตำรวจไม่ทราบ เป็นการเจรจากันเองของคู่กรณี และการที่นางสุนันท์ฯ เกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมนั้น ขอให้ไม่ต้องเป็นห่วง
ตำรวจเร่งการดำเนินการตามนโยบายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และภูธรจังหวัดนครปฐม และตำรวจภูธรภาค 7 เพื่อให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย จึงขอให้มั่นใจว่า คดีนี้จะไม่เป็นมวยล้มอย่างแน่นอน พร้อมกับเพิ่มการกวดขัน เข้มงวดในการตรวจอาวุธในพื้นที่เกิดเหตุมากยิ่งขึ้น.
พิสิษฐ์ ปานวณิชยกิจ – ขนิษฐา ชื่นยินดี / ข่าว-ภาพ นครปฐม
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: