นครปฐม – วัดพะเนียงแตก ร่วมกับ กำนันผู้ใหญ่บ้าน และคนในชุมชน สืบสานประเพณีโบราณ 100 ปี ตำขนมจีน 100 ครก ปลุกจิตสำนึกคนหนุ่มสาว ส่งเสริมอนุรักษ์ประเพณีการทำขนมจีนโบราณ
นางสาวกิตติวีณ์ สงวนสัตย์ กำนันตำบลมาบแค เปิดเผยว่า วัดพะเนียงแตก ร่วมกับ กำนันผู้ใหญ่บ้านและคนในชุมชนตำบลมาบแค อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม จัดโครงการสืบสานประเพณีการทำขนมจีนโบราณ ซึ่งจัดเป็นประจำทุกปี ระหว่าง วันที่ 23-27 กุมภาพันธ์ 2561 เพื่อเป็นการส่งเสริม และอนุรักษ์ประเพณีการทำขนมจีนโบราณ
โดยในปีที่ผ่านๆ มาจะมีประชาชนในพื้นที่ และใกล้เคียง ทั้งคนแก่ และคนหนุ่มสาว มาร่วมพิธีตำขนมจีนกว่าพันคน ต้องใช้ครกที่ตำร่วมร้อยครก ชาวบ้านจะร่วมมือร่วมใจในการ “ตำ” ขนมจีน เพื่อเลี้ยงพี่น้องประชาชน และนักท่องเที่ยว ที่หลั่งไหลไปร่วมทำบุญ นับว่าเป็นประเพณีอย่างหนึ่ง ทุกๆ ปี โดยชาวบ้านในละแวก ต.มาบแค และตำบลใกล้เคียงร่วมกันลงแรง ช่วยกันตำขนมจีน
ส่วนวัตถุดิบ ซึ่งต้องใช้เป็นจำนวนมาก ก็ได้รับการบริจาคทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น ข้าวสาร เพื่อทำแป้งขนมจีน หรือ พริกแกง มะพร้าว ปลา เพื่อประกอบเป็น “น้ำยา” รับประทานกับขนมจีน แจกให้คนที่มาร่วมงาน กินฟรีตลอดงาน
โดยในปีนี้ จะมีแห่ขบวนการตำขนมจีนโบราณ วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา 12.30 น. รอบองค์พระปฐมเจดีย์ และในเวลา 17.30 น.จะตั้งขบวนที่สนามโรงเรียนวัดพะเนียงแตก แห่ขบวนไปยังวัดพะเนียงแตก ส่วนในเวลา 19.00 น. จะมีพิธีเปิดงานตำขนมจีน
สำหรับประเพณีการทำขนมจีนโบราณของตำบลมาบแค อำเภอเมืองนครปฐม ได้มีมากว่า 100 ปี โดยจะนิยมทำกันในช่วงเทศกาลสำคัญทางพระพุทธศาสนา ซึ่งประชาชนแต่ละหมู่บ้านจะจัดทำอาหารคาวหวานมาร่วมทำบุญ เพื่อถวายแด่พระภิกษุสงฆ์ และอาหารประเภทหนึ่งทุกครัวเรือนจะนำมาถวาย คือ ขนมจีน ร่วมกับน้ำยา น้ำพริก แกงเขียวหวาน พร้อมทั้งอาหารคาวหวานอื่นๆ
ชาวบ้านตำบลมาบแค และตำบลใกล้เคียงจะพร้อมใจกันมาทำขนมจีนโดยไม่ได้นัดหมาย พร้อมทั้งนำวัตถุดิบในการทำขนมจีนน้ำยา เช่น ข้าวสาร มะพร้าว พริกแกง ปลา มาให้แก่ทางวัดเพื่อเตรียมไว้เลี้ยงสาธุชนที่มาร่วมงานประจำปี โดยมีขั้นตอนสำคัญ คือ การตำแป้งขนมจีน
ซึ่งทุกปีชาวบ้านจะมาช่วยกันตำแป้งขนมจีนประกอบเสียงเพลงที่สนุกสนานครึกครื้น โดยขั้นตอนนี้จะอยู่ที่การตำแป้งในครกใบใหญ่ ซึ่งต้องใช้แรงหนุ่มสาวทั้งในตำบล และละแวกใกล้เคียง จนกลายเป็นประเพณีสำคัญของตำบลมาบแคมาจนถึงปัจจุบัน
เพื่อเป็นการสืบสานประเพณี และปลุกจิตสำนึกให้คนท้องถิ่นตระหนักถึงคุณค่า และความสำคัญของภูมิปัญญาท้องถิ่น และยังเป็นการส่งเสริมให้คนในท้องถิ่นได้เกิดความรัก ความสามัคคี และมีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมกับชุมชนด้วย
