เวลา 00.32 น.วันที่ 6 สิงหาคม 2561 ร.ต.อ.บุญล้ำ วงศ์วันดี พนักงานสอบสวน สภ.เมืองสกลนคร ได้รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุรถเก๋งชนราวสะพาน บริเวณถนนนิตโย สกลนคร-บ้านธาตุนางเวง เลยโรงเรียนเซนต์ยอแซฟ 150 เมตร ขาเข้าเมืองสกลนครมีผู้ เสียชีวิต ติดในรถจำนวน 3 ราย จึงประสานชุดเมตตาธรรมมูลนิธิ กู้ภัย สภ.ตาดโตน กู้ชีพเชียงเครือ กู้ชีพท่าแร่ กู้ภัยขมิ้น ชุด ERT ศูนย์ ปภ.เขต 7 กู้ภัย สภ.ตาดโตน (ชุดคำหอม) แพทย์เวรโรงพยาบาลสกลนคร ร่วมตรวจสอบสนับสนุนเครื่องตัดถ่างและแสงสว่าง
เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุพบ รถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีออส สีบอร์นทอง ทะเบียน กค 3324 สกลนคร ชนอัดเข้ากับขอบราวสะพานเสียหายอย่างหนัก ตัวถังรถอัดก็อบปี้เครื่องยนต์ขาดออกจากห้องเครื่อง เศษกระจกชิ้นส่วนรถยนต์กระจัดกระจาย ไกลกว่า 50 เมตร
พบผู้เสียชีวิต 3 ราย รายแรกเป็นชาย ห้อยหัวพาดขอบประตูโดยสารด้านหน้าฝั่งซ้าย มีบาดแผลบริเวณศีรษะ ใกล้กันพบผู้เสียชีวิตเป็นชายอีก 1 ราย ติดอยู่ประตูฝั่งซ้ายสภาพห้อยหัวกลางร่องราวสะพาน มีบาดแผลฟกช้ำตามตัว และชายอีก 1 ราย ติดอยู่ที่นั่งโดยสารด้านหลังสภาพลำตัวเหยียดพาดเบาะศีรษะโผล่บริเวณกระจกรถด้านขวาถูกกระแทกอย่างรุนแรง
ข่าวน่าสนใจ:
จากการตรวจสอบเอกสารภายในรถทราบชื่อผู้เสียชีวิต 1 ราย แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่า เป็นผู้เสียชีวิตรายใด ชื่อนายอดิศักดิ์ กุลสอนนาน อายุ 27 ปี ชาว บ.นาคำ ต.ห้วยยาง อ.เมือง จ.สกลนคร ส่วนอีก 2 รายไม่พบเอกสารอยู่ในที่เกิดเหตุ จนท.ต้องใช้เครื่องตัดถ่างเพื่อนำร่างทั้ง 3 ออกจากซากรถ
จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุคาดว่ารถคันดังกล่าวมุ่งหน้าจะเข้าเมืองสกลนครเมื่อมาถึงที่เกิดเหตุคนขับรถอาจใช้ความเร็วสูง แล้วพยายามตัดรถเข้าเลนในของถนน 4 เลน แต่เสียหลักชนเข้ากับขอบถนนป้ายลูกศรบอกทางเข้าจนรถเสียหลักควบคุมไม่อยู่ไถลไปไกลกว่า 100 เมตร จากนั้นตัวรถเหวี่ยงไปด้านขวาอัดเข้ากับราวสะพานอย่างจังทั้งคนขับคนโดยสารในรถถูกแรงกระแทกจนเสียชีวิตทันที
อย่างไรก็ตามถนนเส้นดังกล่าวในช่วงดึกมักจะมีผู้ใช้รถขับขี่รถด้วยความเร็วสูงเนื่องจากถนนโล่งมักเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย ซึ่ง จนท.ตร.จะสอบสวนโดยละเอียดอีกครั้ง ส่วนศพผู้เสียชีวิตทั้ง 3 ราย กู้ภัยนำส่งไปที่โรงพยาบาลสกลนครเพื่อติดต่อญาติมารับศพต่อไป
ภาพ/ข่าว โดยคุณศักดา ดวงสุภา
ข่าวที่น่าสนใจ
อธิบดีกรมปศุสัตว์ ช่วยผู้ประสบอุทกภัย จ.สกลนคร เผยสำรองอาหารสัตว์ไว้พร้อม กว่า 440 ตัน!!
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: