สกลนคร-หอการค้าไทย-พาณิชย์ ร่วมกำหนดยุทธศาสตร์ จับมือ สปป.ลาว พัฒนาโคเนื้อ เพิ่มช่องทางการขายเนื้อ “โคขุน” สู่ตลาดโลก เผยที่ผ่านมายอดส่งออก- นำเข้า ขาดดุลต่างชาติ
หากให้คนไทยนึกถึงเนื้อ “โคขุน” คำว่าเนื้อโคขุนโพนยางคำ จะต้องลอยขึ้นมาในใจใครหลายคน แต่เชื่อหรือไม่ว่าประเทศซึ่งมีเนื้อที่มีคุณภาพ กับต้องขาดดุลการค้าระหว่างประเทศ รศ.ดร.อัทธ์ พิศาลวานิช ผอ.ศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ ม.หอการค้าไทย จึงร่วมกับหอการค้าจังหวัดสกลนคร ผู้แทนสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้ากระทรวงพาณิชย์ นายศารุมภ์ โหม่งสูงเนิน พาณิชย์จังหวัดสกลนคร ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ร่วมประชุมความร่วมมือภาคีเครือข่ายภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 2 (สกลนคร นครพนม และมุกดาหาร) ตามโครงการหุ้นส่วนยุทธศาสตร์การค้าและประชารัฐเมืองคู่มิตรเพื่อธุรกิจสู่สากล (Strategic Partnership Sister Cities) ครั้งที่ 4 ที่ห้องประชุมโรงแรม เอ็มเจ เดอะมาเจสติค โฮเตล จังหวัดสกลนคร
รศ.ดร.อัทธ์ พิศาลวานิช ผอ.ศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ ม.หอการค้าไทย กล่าวว่า ไทยและประเทศเพื่อนบ้านต้องร่วมมือกันในการส่งเสริมสินค้าที่เป็นจุดแข็งในแต่ละภูมิภาค ภายใต้ความสัมพันธ์แบบเมืองคู่มิตร ในส่วนของกลุ่มจังหวัด ตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 2 ซึ่งประกอบด้วย สกลนคร นครพนม และมุกดาหาร อยู่ใกล้กับ สปป.ลาว ดังนั้นการที่จะก้าวไปสู่การค้าที่ยั่งยืนในระดับโลก จะต้องสร้างความเข้มแข็งทางด้านความร่วมมือกันในภูมิภาค และประเทศเพื่อบ้านก่อน
สำหรับจังหวัดสกลนครมองว่ามีสินค้าที่สำคัญหลายชนิดที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ อาทิ เนื้อโคขุนโพนยางคำ ผ้าย้อมคราม ข้าวฮาง ฯ เป็นสินค้าโอทอป 5 ดาว โดยเฉพาะเนื้อโคขุนโพนยางซึ่งปัจจุบันก็มีชื่อเสียง และมีคุณภาพระดับโลกอยู่แล้ว หากมีแผน และนโยบายในการส่งเสริมเพิ่มเติมอีก จะสามารถเพิ่มยอดการขายได้อย่างมหาศาล โดยการพัฒนาสินค้าการเกษตรร่วมกันระหว่าง กลุ่ม 3จังหวัด อีสานตอนบน 2 และ สปป.ลาว
ให้เกษตรกรระหว่างสองประเทศมีรายได้เพิ่มมากขึ้น โคเนื้อสกลนครถือเป็นสินค้าพรีเมี่ยมที่รู้จักกันดีในตลาด AEC ปัจจุบัน กรป.กลาง โพนยางคำก็ได้พัฒนาคุณภาพเนื้อ โคขุน ให้สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ดีจากสถิติพบว่าประเทศไทยนำเข้าเนื้อแปรรูป สูงถึงปีละ 2 พันล้าบาท แต่เนื้อแปรรูปดีๆ ของไทย กลับส่งออกน้อยมาก ระดับร้อยล้านบาท
อนาคตเราต้องผลักดันการส่งออกเนื้อ โคขุน ให้มากขึ้น จากหลักร้อยล้านเป็นพันล้านบาท นอกจากนี้เราจะเชิญผู้แทนจากประเทศมหาอำนาจ ซึ่งมีประชากรมากอันดับ 1-2 ของโลก นั้นก็คือจีนและอินเดีย รวมถึงประเทศมหาอำนาจอื่นๆ ทั่วโลก ซึ่งมีกำลังซื้อมหาศาล เข้ามาสังเกตการณ์ ศึกษาการทำงาน และสร้างมิตรไมตรีระหว่างประเทศ
อนาคตหากเราสามารถเจาะตลาด นำโคเนื้อ รวมถึงสินค้าการเกษตรขายสู่ตลาดโลกได้มากขึ้น จะทำให้เม็ดเงินการส่งออกระหว่างประเทศ สูงแบบก้าวกระโดด ประชาชนทุกระดับ ตั้งแต่เกษตรกรผู้ผลิตไปจนถึงระดับชาติจะได้รับประโยชน์อย่างมหาศาล เพิ่มรายได้และส่งเสริมการมีคุณภาพชีวิตที่ดีของเกษตรกรไทย รศ.ดร.อัทธ์ พิศาลวานิช ผอ.ศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ ม.หอการค้าไทย กล่าว
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: