ที่ศาลากลางจังหวัดกาญจนบุรี นายปรเมศ โพธารากุลประธานสมาพันธ์ชาวไร้อ้อยแห่งประเทศไทยและ นายพนม ตะโกเมือง อุปนายกสมาคมชาวไร่อ้อยเขต 7 ได้นำเกษตรกรชาวไร่อ้อยจำนวนประมาณ 400 คนจาก 4จังหวัดประกอบด้วยจังหวัดกาญจนบุรี สุพรรณบุรี ราชบุรี และนครปฐมเดินทางมายื่นหนังสือกับนาย บวรศักดิ์ วานิช รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรีในเรื่องขอเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาความเดือนร้อนของชาวไร่อ้อย และสนับสนุนร่างแก้ไขพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย
เนื่องจากปัญญาราคาอ้อยตกต่ำในฤดูการผลิตปี 2560/61 และ ต่อเนื่องถึงปี 2561/2เพื่อให้หน่วยงานต่างๆตลอดจนรัฐบาลได้รับทราบข้อเท็จจริงถึงความเดือดร้อนของเกษตรกรชาวไร่อ้อย สมาคมชาวไร่อ้อยเขต 7 ขอนำเสนอปัญหาของเกษตรกรชาวไร่อ้อยผ่านรองผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อนำเรียนต่อรัฐบาล และหาทางช่วยเหลือคลี่คลายปัญหาก่อนที่จะเกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ หรืออาจนำไปถึงการล่มสลายของอุตสาหกรรมน้ำตาลทรายดังนี้ ผลกระทบจากนโยบายของรัฐบาลซึ่งจากนโยบายของรัฐบาลที่ผ่านมา รวมถึงนโยบายปี 2560/61
ส่งผลกระทบและสร้างความเดือดร้อนและเสียหายต่อเกษตรกรชาวไร่อ้อยเป็นอย่างมากซึ่งประกอบด้วยนโยบายส่งเสริมให้ชาวนาหันมาปลูกอ้อยทำให้ปริมาณอ้อยเพิ่มขึ้น การควบคุมน้ำหนักการบรรทุกอ้อยส่งโรงงาน การกำหนดให้โรงงานน้ำตาลหยุดช่วงเทศกาลต่างๆในฤดูการหีบอ้อย การกำหนดนโยบายการนำเข้าแรงงานต่างด้าวที่เข้มงวด ราคาอ้อยที่ตกต่ำ ฤดูกาลผลิตปี 2560/61 และปีการผลิต2561/62 ซึ่งในปีที่ผ่านมาในกลุ่มประเทศปลูกอ้อยมีปริมาณมากขึ้น
ส่งผลให้คาราน้ำตาลในตลาดโลกลดอย่างต่อเนื่องซึ่งผลกระทบดังกล่าวจะต่อเนื่องไปยังฤดูกาลผลิต2561/62ที่คาดว่าราคาอ้อยที่ราคาชาวไร่อ้อยจะได้รับอยู่ที่ประมาณ 700 บาทต่อตัน ซึ่งหากราคาอ้อยเป็นไปตามประมาณการ เกษตรกรชาวไร่อ้อยจะประสบปัญหาขาดทุนอย่างหนัก ซึ่งการกำหนดราคาอ้อยได้รับควรไม่ต่ำกว่าต้นทุนการผลิตการปลูกอ้อย และเกษตรกรชาวไร่อ้อยกว่าสองหมื่นราย ได้เข้าชื่อเสนอร่างพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทรายต่อประธานนิติบัญญัติแห่งชาติ ซึ่งมีประเด็นสำคัญคือให้มีการปรับปรุงการเพิ่มรายได้จาการผลิตอ้อยและน้ำตาลทรายและยืนยันความเป็นสถาบันชาวไร่อ้อยที่ได้มีการกำหนดคุณสมบัติไว้แล้วในพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย
