สำหรับการแข่งขันฟุตบอล ช้างเอฟเอคัพ 2018 รอบ 64 ทีมสุดท้าย ที่สนามกีฬากลางจังหวัดกาญจนบุรี การท่าเรือเอฟซี ทีมจากไทยลีก 1 พบกับ ท่าม่วงเอฟซี ทีมในอเมเจอร์ลีก หรือไทยลีก 5 ซึ่งทางเรือนำทีมมาโดยกัปตันทีม ดราแกนบอสโควิส อดีตดาวซัลโวไทยลีก ซึ่งการแข่งขันฟุตบอลในนัดนี้ได้รับเกียรติจาก พันตำรวจเอก ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้วาราชการจังหวัด นางรชยา ภูมิสวัสดิ์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัด ร่วมรับชมการแข่งขันในครั้งนี้
โดยเริ่มเกมเป็นทางท่าม่วงที่บุกใส่ทางการท่าเรือก่อน และเกือบที่จะได้ประตูขึ้นนำไปก่อน โดยทางการท่าเรือได้ส่งผู้เล่นสำรองลงเล่นเป็นส่วนใหญ่ โดยเน้นเกมแบบคุมโซนอาศัยตัดเกมของท่าม่วง แล้วโต้กลับ ซึ่งในนาทีที่ 10 ทางการท่าเรือมาได้ประตูขึ้นนำไปก่อน1-0 จากดราแกนบอสโควิส จากนั้นท่าม่วงพยายามทำเกมรุกเพื่อทวงประตูตีเสมอ แต่เป็นทางการท่าเรือที่ตัดบอลแล้วสวนกลับและมาได้ประตูที่ 2 ในนาที่ 23 จากดราแกนบอสโควิส
จากนั้นในนาทีที่25 ผู้เล่นของท่าม่วงไปสกัดผู้เล่นของทีมการท่าเรือล้มลงในเขตโทษ กรรมการเป่าให้การท่าเรือได้ลูกที่จุดโทษเป็นทางดราแกนบอสโควิสยิงเข้าไปทำให้การท่าเรือขึ้นนำไปท่าม่วงไป3-0 และเป็นการทำแฮตทริกของดราแกนบอสโควิสอีกด้วย หลังจากที่เสียประตูไปถึง 3 ลูก ทางท่าม่วงก็พยายามบุกใส่การท่าเรือเพื่อทำประตูตีไข่แตก ซึ่งในนาที่ 32 เป็นทางณัฐณรงค์ สุขวิสิฎฐ์ มายิงตีไข่แตกให้ท่าม่วงไล่มาห่าง 1-3
ซึ่งในช่วงเลาที่เหลือทั้งสองทีมทำประตูเพิ่มไม่ได้หมด 45 นาทีแรกเป็นทางการท่าเรือนำไปก่อน 3-1 เริ่มการแข่งขันในช่วงเวลาหลัง ซึ่งในนาทีที่ 48 เป็นทางการท่าเรือที่ได้ประตูขึ้นนำไปเป็น 4-1 จากการยิงของปกรณ์ เปรมภักดิ์ จากนั้นทางการท่าเรือได้เล่นแบบคุมโซนเหมือนในครึ่งเวลาแรกทำให้ท่าม่วงสร้างเกมบุกไม่ได้แล้วนาทีที่ 64 เป็นทาง ทศพล ลาเทศ มาบวกประตูที่ 5 ให้กับทางการท่าเรือ ซึ่งหลังจากนั้นทั้งสองทีมทำอะไรกันไม่ได้เป็นทางการท่าเรือเอฟซีเอาชนะท่าม่วงเอฟซีไป 5-1 ผ่านเข้ารอบ 32 ทีมต่อไป
