เชียงราย-นายอำเภอเทิงเปิดตัวหมู่บ้านปางควายหนองซง ยกเอาวีถีชีวิตพอเพียง เรียบง่าย เงียบสงบ ใกล้ชิดธรรมชาติ เหมือนกับชุมชนไทยในอดีต ดึงดูดนักท่องเที่ยว
เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 3 ม.ค.63 นายธนิต สุภาแสน นอภ.เทิง จ.เชียงราย เป็นประธานเปิดหมู่บ้านอนุรักษ์ควายไทย ที่หนองซง บ้านหนองแรดใต้ ม.3 ต.หนองแรด อ.เทิง มีหัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำชุมชน และชาวบ้านในพื้นที่ร่วมงานจำนวนมาก
นายดำ ตาติ๊บ อายุ 68 ปี และนายประเสริฐ มะโนลา อายุ 54 ปี ซึ่งเป็นชาวบ้านที่อยู่อาศัยในพื้นที่ปางควายเล่าว่า พวกตนเป็นชาวบ้านกลุ่มแรกๆที่เข้ามาอยู่อาศัยในปางควายแห่งนี้ คนที่มาอาศัยอยู่ที่ปางควายเป็นชาวบ้านที่มีบ้านอยู่ในพื้นที่ตำบลหนองแรด และประกอบอาชีพเลี้ยงควายมาตั้งแต่บรรพบุรุษ จึงมารวมตัวก่อตั้งเป็นปางควาย และปัจจุบันมีการรวมกลุ่มเป็น กลุ่มอนุรักษ์ควายไทยหนองซง มีสมาชิกจำนวน 22 ครัวเรือน มีควายที่เลี้ยงอยู่ในปางควายทั้งหมดประมาณ 300 กว่าตัว ทุกเช้าชาวบ้านจะต้อนควายออกไปหาหญ้ากินที่ทุ่งนอกปางควาย ตอนเย็นก็ต้อนควายกลับเข้าคอก เป็นวิถีชีวิตที่หาดูได้ยากมากในปัจจุบัน ที่นี่มีความเป็นธรรมชาติที่หาไม่ได้จากที่ไหน เพราะเป็นวิถีชีวิตเดิมๆ เหมือนในอดีต ไม่มีไฟฟ้าใช้ บางบ้านก็ซื้อโซล่าเซลล์มาใช้ให้แสงสว่างในตอนค่ำคืนบ้าง แต่ด้วยข้อจำกัดของโซล่าเซลล์ในวันที่ไม่มีแสงแดดก็ไม่มีไฟฟ้าใช้เช่นกัน ชาวบ้านเคยขอก่อตั้งเป็นหมู่บ้านแต่ไม่ผ่านเกณฑ์การจัดตั้งหมู่บ้านก็เลยยังเป็นพื้นที่ส่วนหนึ่งของบ้านหนองแรดใต้อยู่ และเป็นพื้นที่สาธารณะไม่สามารถขอไฟฟ้าเข้ามาในชุมชนได้ สิ่งที่ชาวบ้านที่ปางควายต้องการที่สุดก็คืออยากได้ไฟฟ้าเพื่อใช้ยามจำเป็น
ด้านนายสหพงษ์ สิริแสน นายกองค์การบริหารส่วนตำบลหนองแรด เผยว่า กิจกรรมในวันนี้เกิดขึ้นจากการที่นายอำเภอเทิงได้เข้ามาเห็นชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านที่อาศัยในปางควาย ที่มีวิถีชีวิตเรียบง่าย ตามหลักวิถีปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ประกอบอาชีพหลักคือการเลี้ยงควายและเพาะพันธ์ปลาบ้าง จึงอยากจะเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยว เพื่อที่นักท่องเที่ยวจะได้มารู้มาเห็นว่าท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของโลกภายนอกที่เทคโนโลยีปรับตัวอย่างรวดเร็ว ก็ยังมีอีกหนึ่งชุมชนที่ยังคงวีถีชีวิตเดิมๆไว้ มีควายที่เลี้ยงที่ปางควายแห่งนี้ประมาณ 300 กว่าตัว อยากให้นักท่องเที่ยวได้มาเห็นวิถีชีวิตคนเลี้ยงควาย ว่าตื่นเช้ามาเขาทำอะไร นำควายไปเลี้ยงที่ไหนอย่างไร และตอนเย็นต้องทำอะไรบ้าง ช่วงค่ำๆในชุมชนที่ไม่มีไฟฟ้าเขาอยู่กันอย่างไร ไม่แน่ว่าเสน่ห์ของกลิ่นโคลนสาบควายและธรรมชาติที่ไร้การแต่งแต้มอาจจะทำให้หลายคนติดใจในความเรียบง่ายของมันก็ได้ หรือหากคนที่มีแล้วพัฒนาแล้วได้มาเห็นว่าคนที่เขายังไม่มีเขาอยู่กันอย่างไร ก็อาจจะมีข้อชี้แนะหรือข้อคิดเห็นมาแลกเปลี่ยนกัน เพื่อจะได้นำมาปรับปรุงปางควายแห่งนี้ให้พัฒนาขึ้นในอนาคตก็เป็นได้
ปางควายแห่งนี้อยู่ติดกับหนองซง ซึ่งเป็นหนองน้ำสาธารณะขนาดใหญ่มีเนื้อที่ 2,000 ไร่ ในอนาคตจะมีการสร้างถนนเชื่อมต่อไปยังไร่รื่นรมย์ ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรอินทรีย์ชื่อดังของจังหวัดเชียงราย มีระยะทางห่างกันประมาณ 3.5 ก.ม. คนที่สนใจอยากมาชมวิถีชีวิตคนเลี้ยงควายแนะนำว่าควรมาในช่วงเวลา 08.00-09.00 น. ซึ่งเป็นเวลาที่ชาวนานำควายออกไปกินหญ้าที่กลางทุ่งนานอกหมู่บ้าน และเวลา 16.00-17.00 น. เป็นเวลานำควายกลับเข้าคอก จะเห็นฝูงควายจำนวนหลายร้อยเดินเข้าหมู่บ้านเป็นฝูงใหญ่ ซึ่งเป็นภาพที่หาดูได้ยากแล้วในปัจจุบันนี้
