เชียงราย – ทุกอย่างพร้อม ฝนไม่เป็นอุปสรรค ทีมนักดำน้ำนานาชาติ เปิดปฏิบัติการรอบ2 ช่วยเหลือ”หมูป่า” อีก9 ชีวิตออกจากถ้ำ เริ่มเวลา 11.00น.เร็วกว่ากำหนดการเดิม 4-5 ชั่วโมง คาดใช้เวลาประมาณ18 ชั่วโมง ไม่เกินเช้ามืด10 ก.ค.ลุ้นข่าวดี ขณะที่ 4 หมูป่าที่รักษาตัวที่รพ.ยังต้องรับประทานอาหารแพทย์ต่อเนื่องอีก7วัน
เมื่อวันที่ 9 ก.ค.เวลา 14.50 น. นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้บัญชาการ ศอร .พลตำรวจตรี ชูรัตน์ ปานเหง้า รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 นายกอบชัย บุญอรณะ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายจงคล้าย วรพงศธร รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช แถลงข่าวความคืบหน้าปฏิบัติการช่วยเหลือเด็กและโค้ชทีมหมูป่าอะคาเดมีที่ยังอยู่ในถ้ำจำนวน9 คน หลังช่วยเหลือนำออกจากถ้ำได้แล้ว และนำตัวส่งรพ.เชียงรายประชานุเคราะห์ จำนวน4 คนเมื่อวันที่ 8 ก.ค.
นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้บัญชาการ ศอร กล่าวว่า เมื่อเวลา 11.00 น.เศษๆได้ส่งทีมปฏิบัติการนานาชาติชุดเดิมที่เปลี่ยนตัวบางคนที่สภาพร่างกายอ่อนล้า เข้าปฏิบัติการในถ้ำเพื่อช่วยเหลือ อีก 9 คนในถ้ำแล้ว โดยเป็นการปฏิบัติการที่เร็วกว่าที่กำหนดไว้ ประมาณ4-5 ชั่วโมง จากที่กำหนดไว้หลังจากปฏิบัติการรอบแรกเมื่อวันที่ 8 ก.ค.ที่ต้องให้นักดำน้ำพักผ่อน และต้องตรึงเชือกในถ้ำ การโรยถังออกซิเจน เมื่อประเมินทุกอย่างมีความพร้อมสมบูรณ์จึงลงมือปฏิบัติการช่วยเหลือรอบที่สอง ขณะที่น้องๆ4 คนที่ได้รับการช่วยเหลือออกจากถ้ำชุดแรกและรักษาตัวที่รพ.เชียงราย สุขภาพแข็งแรงดี แต่หมอก็มีการแยกจากคนอื่นๆ
“สภาพทุกอย่างยังดีเหมือนเมื่อวาน อากาศน้ำ ความแข็งแก่งของน้องเขา เราเอาแผนทุกอย่างมาตรวจสอบแล้ว เราพร้อมปฏิบัติการแล้ว โดยเป็นหน่วยปฏิบัติการนานาชาติเหมือนเดิม ประมาณว่าคงใช้เวลาประมาณ17-18 ชั่วโมง” นายนายณรงค์ศักดิ์ กล่าว
นายจงคล้าย วรพงศธร รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวถึงกรณีที่ฝนตกต่อเนื่องทั้งวันในวันที่ 8 ก.ค.จะมีผลต่อการปฏิบัติการหรือไม่ว่า เรื่องน้ำในถ้ำที่มีการทำแนวกั้นไว้ยังปกติ และการสำรวจโพรงทั้งทีมมทบ.34 ทีมกรมอุทยานฯ และทีมเก็บรังนกยังคงสำรวจต่อเนื่อง และพบโพรงเล็กๆซึ่งการสำรวจโพรงถ้าของทีมงานยังเดินหน้าต่อไปและยืนยันว่าจากฝนที่ตกเมื่อวันที่ 8 ก.ค.ไม่มีผลต่อปฏิบัติการ ทุกอย่างยังสมบูรณ์เหมือนวันที่ 8 ก.ค. ขณะที่นายกอบชัย บุญอรณะ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กล่าวถึงการสูบน้ำการสูบน้ำภายในถ้ำออกมาข้างนอกว่ายังคงเดินหน้าตามปกติเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติการและสภาพน้ำในถ้ำยังคงเป็นปกติเหมือนเมื่อวันที่ 8 ก.ค.
นายณรงค์ศักดิ์ กล่าวถึงปัญหาในการปฏิบัติการ ว่าเมื่อวันที่8 ก.ค.ที่ผ่านมามีผู้ฝ่าฝืนและแทรกแซงกระบวนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ 2 กรณีและกำลังมีการตรวจสอบเพื่อดำเนินการทางกฎหมาย คือกรณีการบินโดรน 2 ลำ ในพื้นที่ที่เป็นการแทรกแซงและกระทบกับปฏิบัติการและเป็นการแทรกแซงเส้นทางบินของเฮลิคอปเตอร์ในการยกตัวที่พร้อมฏิบัติการการบินตลอด24ชั่วโมง และมีการเรียกผู้เกี่ยวข้องที่ทำการบินมารายงานตัวแล้ว
กรณีที่สอง เจ้าหน้าที่จับได้ว่ามีผู้แสกนคลื่นความถี่ของศูนย์ปฏิบัติการฯและมีการนำไปเผยแพร่ที่ผิดกับข้อเท็จจริง โดยมีการเผยแพร่ว่ามีการนำทีมหมูป่าออกมา 6 คนทั้งที่ความจริงนำออกมา 4 คน ทำให้ทางราชการเกิดความยุ่งยากในการตอบคำถามต่อสังคมจากการเผยแพร่ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนและตำรวจกำลังทำการสอบสวน เป็นเรื่องที่น่าเสียใจที่เมื่อประกาศแล้วยังมีผู้ที่ยังไม่ให้ความร่วมมือแต่ก็ถือเป็นส่วนน้อย
พลตำรวจตรี ชูรัตน์ ปานเหง้า รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ระบุว่าการใช้โดรนกฎกติกาพูดกันชัดเจนว่าควรทำอะไรบ้าง เวลาตรวจสอบต้องดูว่าโดรนที่ได้มามีวัตถุประสงค์4-5 ข้อซึ่งไม่เกี่ยวกับปฏิบัติการนี้เลย การห้ามไลฟ์สด ควบคู่การปฏิบัติการจริงก็มีการประกาศห้าม2 ครั้งแล้ว การบินโดรนมันเกิดภาพมุมสูงขึ้นแม้ว่าบินได้ไม่เกิน90เมตรแต่อย่างลืมว่าบางจุดที่ตรวจสอบพบมันเป็นสนามเฮลิคอปเตอร์ ที่จันกะผับ ที่ตรงนั้นเป็นเส้นทางบินจากจุดปฏิบัติการเข้าไปตัวเมืองเชียงราย แม้ว่าศูนย์ฯจะไม่ประกาศกำหนดจุดห้ามบินบริเวณไหน แต่ควรจะเข้าใจว่าตรงไหนไม่ควรบิน และที่น่าเสียใจคือมีบางคนใช้เทคนิคพิเศษที่เหนือชั้นในการแสกน ใครทำก็ขอให้เลิก และเป็นการเตือนครั้งสุดท้าย เพราะพวกเราทำเพื่อรักษาชีวิตน้องๆ
สำหรับบรรยากาศที่โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ ยังมีการกันบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องให้อยู่ห่างจากอาคารอุบัติเหตุฉุกเฉิน พร้อมทั้งสื่อมวลชนเป็นจำนวนมาก ให้อยู่เพียงแค่บริเวณสี่แยกถนนสนามบิน และบริเวณสี่แยกโรงเรียนบ้านสันโค้งเท่านั้น แหล่งข่าวระบุว่า”ทีมหมูป่า” 4 คน ที่สามารถนำออกมาจากถ้ำหลวง ในช่วงคืนที่ผ่านมา แพทย์ได้ให้มาทำการพักรักษาตัวอยู่ที่บริเวณชั้น 8 โดยแยกออกจากผู้ป่วยคนอื่นๆ อย่างเด็ดขาด ห้ามผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องรวมทั้งญาติๆ เข้าเยี่ยม โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเฝ้าอยู่บริเวณทางขึ้น และบริเวณหน้าห้องผู้ป่วย คัดกรองผู้ที่จะเดินทางเข้าออกอย่างเข้มข้น เพื่อตรวจเช็คอาการติดเชื้อ ป้องกันและสังเกตอาการติดเชื้อจากภายในถ้ำที่เด็กๆ อาจได้รับเชื้อโรคบางอย่างออกมาสู่บุคคลภายนอกถ้ำ และยังเป็นการป้องกันเชื้อจากบุคคลภายนอกเข้าไปสู่ตัวเด็กซึ่งอาจจะยังมีอาการอ่อนแอจากภายใน แม้ภายนอกจะดูแข็งแรงดีอยู่ก็ตาม
ส่วนการให้อาหารที่มีรายงานว่าเด็กเรียกร้องขอกินข้าวผัดกะเพานั้น ทีมแพทย์ยังมีการควบคุมอาหารอย่างเข้มงวด โดยยังให้อาหารอาหารแพทย์ชื่อ เอ็มชัวร์ ตามที่แพทย์สั่งให้รับประทานเท่านั้น รวม 7 วัน นับจากวันที่พบตัวเด็กในถ้ำ จึงจะสามารถให้รับประทานอาหารปกติทั่วไปได้ ซึ่งเด็กทั้งหมดเข้าใจสภาพและปรับตัวได้เป็นอย่างดี
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: