เชียงราย-คณะกรรมการนโนบายบริหารจัดการถ้ำแห่งชาติ ประชุมพร้อมลงนามความร่วมมือของอุทยานแห่งชาติถ้ำหลวง – ขุนน้ำนางนอน (เตรียมการ) อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย
นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการถ้ำแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2563 เมื่อวันศุกร์ที่ 24 มกราคม 2563 ที่อุทยานแห่งชาติถ้ำหลวง – ขุนน้ำนางนอน (เตรียมการ) อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย โดยมี เจ้าหน้าที่จากกรมทรัพยากรธรณี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการถ้ำแห่งชาติ ว่าที่ ร้อยตรี ณรงค์ โรจนโสทร รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย หัวหน้าส่วนราชการและหัวหน้าหน่วยงานในจังหวัดเชียงรายที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมเป็นคณะกรรมการการประชุมในครั้งนี้ด้วย
นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ถ้ำในประเทศไทย มีมากกว่า 5,000 ถ้ำ สามารถระบุตำแหน่งได้ประมาณ 2,600 แห่ง ถ้ำเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญเพื่อการท่องเที่ยว ผจญภัย ศึกษาวิจัย แต่มีความเปราะบางของระบบนิเวศ ถ้ำอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของภาคส่วนต่าง ๆ อีกทั้ง ยังไม่มีกฎหมายเฉพาะเกี่ยวกับการบริหารจัดการถ้ำ และไม่มีองค์กรใดรับผิดชอบในการบริหารจัดการถ้ำในภาพรวม
นอกจากนี้ ถ้ำและสิ่งมีชีวิตที่สำคัญของโลกภายในถ้ำยังได้รับการคุกคามทั้งโดยภัยทางธรรมชาติและกิจกรรมของมนุษย์ และประเทศไทยยังไม่มีมาตรฐานในการบริหารจัดการถ้ำอย่างบูรณาการ ทำให้ถ้ำจำนวนมากได้รับความเสียหายเสื่อมโทรมลงอย่างรวดเร็ว และเกิดผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตและทรัพยากรภายในถ้ำ อีกทั้ง การขาดความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับถ้ำ ทำให้เกิดอันตรายกับนักท่องเที่ยวในถ้ำนับตั้งแต่คณะรัฐมนตรี มีมติเมื่อวันที่ 2 เมษายน 2562 เห็นชอบให้แต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการถ้ำแห่งชาติ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นประธาน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวง การท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงมหาดไทย เป็นกรรมการ เพื่อกำหนดนโยบาย หลักเกณฑ์ แนวทางการใช้ประโยชน์ และแนวทางในการบริหารจัดการแบบมีส่วนร่วมกับภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนของท้องถิ่น และบูรณาการการบริหารจัดการ การท่องเที่ยวถ้ำโดยมีความเชื่อมโยงกับการพัฒนาเศรษฐกิจของชุมชนท้องถิ่น
ข่าวน่าสนใจ:
- บ้านใหญ่พรรคเพื่อไทยเชียงราย เปิดตัวผู้สมัครนายก อบจ.พร้อมกับนำทีมผู้สมัคร สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ทั้ง 36 เขต ในนามพรรคเพื่อไทย
- ปป.แม่สายทานมูมมามจนลืมตัว เรียกเก็บเงินแบบไม่อาย แต่ต่อรองราคาได้
- นักท่องเที่ยวแห่ชมดอกไม้งามดอยตุง ชิมอาหารพื้นถิ่น ถ่ายรูปดอกไม้สวย
- ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงราย เชิญส่วนราชการ เอกชน สื่อมวลชน 50 คน เยี่ยมชมแหล่งท่องเที่ยวในชุมชนกระตุ้นการท่องเที่ยว-เศรษฐกิจในชุมชน อย่างยั่งยืน
“การบริหารจัดการถ้ำเป็นเรื่องใหม่ของประเทศไทย ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้มอบหมายให้กรมทรัพยากรธรณีเป็นหน่วยงานหลักในการบูรณาการร่วมกับท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง”
คณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการถ้ำแห่งชาติ กำหนดข้อปฏิบัติในการคุ้มครองถ้ำ 16 ข้อ เพื่อคุ้มครองถ้ำของประเทศก่อนที่ถูกทำลายโดยกระบวนการธรรมชาติและการกระทำของมนุษย์ ประกอบด้วย 1) ห้ามสัมผัสหรือแตะต้องประติมากรรมถ้ำ เช่น หินงอก หินย้อย เสาหิน รวมทั้ง หยดน้ำที่หยดจากหินย้อย 2) ห้ามตี เคาะ ทำลายหินในถ้ำ 3) ห้ามสูบบุหรี่ ก่อกองไฟ จุดธูปเทียน หรือกิจกรรมใดๆที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อสภาพอากาศภายในถ้ำ 4) ห้ามนำอาหารเข้าไปรับประทานในถ้ำรวมทั้งทิ้งเศษขยะมูลฝอยใดๆ 5) ห้ามส่งเสียงดังหรือกระทำการใด ๆ ที่เป็นการรบกวนหรือก่อความรำคาญให้แก่สัตว์ รวมทั้งห้ามยิงปืน จุดประทัดและ วัตถุระเบิด 6) ห้ามนำสัตว์เลี้ยงหรือสัตว์พาหนะเข้าไปในถ้ำ 7) ห้ามขีดเขียน ขูดลบ ขีดฆ่า ทาหรือ พ่นสี หรือปิดประกาศ 8) ห้ามถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะในถ้ำ 9) ห้ามเก็บหรือนำสิ่งใด ๆ ออกจากถ้ำ อาทิ หิน ผลึกแร่ ซากดึกดำบรรพ์ โบราณวัตถุ และหรือสิ่งมีชีวิตภายในถ้ำ 10) ห้ามกระทำการใดๆ อันจะเป็นการเปลี่ยนแปลงทางน้ำหรือสร้างสิ่งกีดขวางทางน้ำ ที่จะทำให้น้ำท่วมล้น หรือเหือดแห้ง เว้นแต่ได้รับการอนุญาตจากหน่วยงานเจ้าของพื้นที่ 11) ห้ามตั้งแคมป์พักแรมภายในถ้ำ 12) ห้ามเดินออกนอกเส้นทางที่กำหนด 13) ไม่แตะต้องและ/หรือทำลายระบบไฟฟ้าในถ้ำ 14) ไม่รบกวนแหล่งโบราณคดี หรือ ซากดึกดำบรรพ์ที่พบในถ้ำ 15) ไม่ก่อสร้างสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น สะพาน ทางเดิน บันได เว้นแต่การก่อสร้างเพื่ออำนวยความสะดวก/ความปลอดภัยเท่าที่จำเป็น และให้มีความกลมกลืนกับสภาพธรรมชาติ ในถ้ำ 16) ให้มีผู้นำเที่ยวถ้ำท้องถิ่นที่ผ่านฝึกอบรมตามมาตรฐาน Local Cave Guide และปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด
นอกจากนี้ คณะกรรมการได้เห็นชอบให้มีการสำรวจ ประเมิน และมีแผนบริหารจัดการถ้ำที่มีความสำคัญในด้านความหลากหลายทางชีวภาพ มีการกระจายตัวในทุกภูมิภาค รวมทั้งมีความอ่อนไหวในการถูกทำลายจำนวน 11 ถ้ำ ประกอบด้วย ถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน จังหวัดเชียงราย ถ้ำแก้วโกมล จังหวัดแม่ฮ่องสอน ถ้ำเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ถ้ำปาฏิหาริย์ จังหวัดอุบลราชธานี ถ้ำพญานาคราชจังหวัดขอนแก่น ถ้ำละว้า จังหวัดกาญจนบุรี ถ้ำพระโพธิสัตว์ จังหวัดสระบุรี ถ้ำธารน้ำลอด จังหวัดชุมพร ถ้ำภูผาเพชร จังหวัดสตูล ถ้ำเขาช้างหาย จังหวัดตรัง และถ้ำในเขตอุทยานแห่งชาติดอยภูคา จังหวัดน่าน
ทั้งนี้ นโยบายและแผนแม่บทในการบริหารจัดการถ้ำของประเทศไทยมีเป้าหมายที่จะแล้วเสร็จในปลายปี พ.ศ.2563 ที่ประกอบด้วยร่างกรอบนโยบายการบริหารจัดการถ้ำแห่งชาติ มี 12 ข้อ และแผนแม่บทจะประกอบด้วยแผนแม่บท จำนวน 10 แผนงาน ที่ครอบคลุมการบริหารจัดการถ้ำในทุกมิติ
ด้าน นายสมหมาย เตชวาล อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี เปิดเผยว่า การสำรวจถ้ำของนักธรณีวิทยาจะมีการสำรวจ ศึกษา วิจัยเพื่อจัดทำข้อมูลด้านธรณีวิทยา อุทกธรณีวิทยาชีววิทยา ภูมิสัณฐานของระบบถ้ำ โบราณคดีและนิเวศวิทยาที่เกี่ยวข้อง และประเมินศักยภาพเพื่อการพัฒนาและการใช้ประโยชน์ในด้านต่าง ๆ โดยคำนึงถึงความปลอดภัย การอนุรักษ์คุณค่าของทรัพยากรถ้ำ โดยปัจจุบันถ้ำบางแห่งมีการใช้ประโยชน์ ถ้ำบางแห่งมีการพัฒนาแล้วแต่สภาพแวดล้อมที่สุ่มเสี่ยงต่อความเสื่อมโทรมถูกทำลาย บางแห่งสามารถพัฒนายกระดับตามเกณฑ์มาตรฐานแหล่งท่องเที่ยว บางแห่งเป็นถ้ำใหม่ ยังไม่มีการพัฒนาหากเข้าไปอาจเป็นอันตรายได้ จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีการสำรวจจัดทำฐานข้อมูลบัญชีถ้ำ ทั้งนี้ กรมทรัพยากรธรณีได้คัดเลือกถ้ำจำนวน 10 แห่งมาเป็นต้นแบบในการสำรวจ ศึกษา วิจัยและกำหนดแนวทางบริหารจัดการถ้ำ รวมถึงตั้งกลไกการบริหารจัดการอย่างมีส่วนร่วมเพื่อเป็นต้นแบบในการบริหารจัดการถ้ำอย่างยั่งยืน เป็นแบบอย่างสำหรับดำเนินการในพื้นที่ถ้ำอื่นๆ ประมาณ 200 ถ้ำ ภายในปี 2580
โดยคณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการถ้ำแห่งชาติ ได้กำหนดระยะของการดำเนินงาน (roadmap) กำหนดไว้เป็น 3 ระยะ ประกอบด้วย ระยะที่ 1 ระยะของการปฏิรูปการบริหารจัดการถ้ำ (เป้าหมายปี 2565) ปฏิรูประบบการสำรวจ วิจัย และพัฒนาข้อมูลถ้ำ กำหนดนโยบาย หลักเกณฑ์ กฎระเบียบ ควบคู่ไปกับการสำรวจและกำหนดแนวทางบริหารจัดการถ้ำที่มีปัญหาหรือความสำคัญเร่งด่วน จำนวนไม่น้อยกว่า 10 ถ้ำ ระยะที่ 2 ระยะของการสร้างความมั่นคงในการบริหารจัดการถ้ำ (เป้าหมายปี 2570) สร้างฐานข้อมูลและองค์ความรู้ที่ครอบคลุมถ้ำที่มีความสำคัญ มีการจำแนกประเภทของถ้ำ เพื่อการใช้ประโยชน์ในการท่องเที่ยว การผจญภัย การศึกษาวิจัย การสงวน อนุรักษ์และพัฒนาอย่างมีส่วนร่วม และการสร้างกลไกการบริหารจัดการอย่างมืออาชีพ ทั้งนี้ กำหนดเป้าหมายของการสำรวจถ้ำตามหลักวิชาการและมีการบริหารจัดการถ้ำประมาณ 100 แห่งภายในปี 2570 ระยะที่ 3 เป็นระยะของการสร้างความมั่งคั่ง ยั่งยืนในการบริหารจัดการถ้ำ (เป้าหมายปี 2580) พัฒนาเศรษฐกิจที่มั่งคั่งให้ชุมชน ประชาชนมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการและดูแลรักษาถ้ำ
มีการใช้ประโยชน์ทรัพยากรถ้ำอย่างสมดุลเป็นธรรมและยั่งยืน ทั้งนี้ ได้กำหนดเป้าหมายของการสำรวจถ้ำตามหลักวิชาการและมีการบริหารจัดการถ้ำประมาณ 200 แห่งภายในปี 2580 สำหรับการดำเนินงานในพื้นที่ถ้ำหลวง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้กำหนดแผนงาน 2 ปี ภายใต้โครงการสำรวจธรณีวิทยาและอุทกธรณีวิทยาเทือกเขาหินปูน วนอุทยานถ้ำหลวง – ขุนน้ำนางนอน เริ่มในปี 2561 ได้ดำเนินการสำรวจจัดทำแผนที่และข้อมูลธรณีวิทยา อุทกธรณีวิทยาแผนผังถ้ำ 2 มิติ อยู่ระหว่างจัดทำแผนผังถ้ำ 3 มิติ และแบบจำลองกายภาพ และได้จัดทำร่างแนวทางการพัฒนาเพื่อการอนุรักษ์ถ้ำเพื่อใช้ในการจัดทำแผนพัฒนาพื้นที่ถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน และพัฒนาสู่การเป็นอุทยานธรณีในระดับจังหวัด ระดับประเทศ และระดับโลกต่อไปอีกด้วย
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: