เชียงราย-กรณีชาย 18 คนหน้าตาคล้ายคนจีน ลอบเข้าเมืองไทย ทางด้านริมแม่น้ำโขง อ.เชียงแสน จ.เชียงราย พร้อมกระเป๋าเดินทางพร้อม แต่ไม่มีเอกสารพาสปอร์ตติดตัวแม้แต่คนเดียว สารภาพลอบข้ามมาจากฝั่งเขตเศรษฐกิจพิเศษดอกงิ้วคำ สปป.ลาว น่าสงสัยว่าจะเป็นชาวจีน หรือ อาจเป็นเกาหลีเหนือหรือไม่
4 ส.ค.63 เนื่องจากปัจจุบันเกาหลีเหนือก็เป็นกลุ่มหนึ่งที่ยังพยายามหนีออกนอกประเทศ เพื่อไปยังประเทศเกาหลีใต้ผ่านช่องทางนี้บ่อยครั้ง ประเทศเกาหลีเหนือถือได้ว่าเป็นประเทศที่มีความโดดเด่นในฐานะผู้ที่มีอาวุธนิวเคลียร์ และสามารถต่อกรกับมหาอำนาจอย่างประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ ซึ่งเป็นข่าวให้เห็นอยู่หนึ่งเนืองในระยะหลัง แต่เป็นที่ทราบกันดีว่า ประชาชนในประเทศส่วนใหญ่ยังมีฐานะยากจน เป็นเกษตรกร และเป็นเจ้าหน้าที่ระดับล่าง ทำให้เกิดกระแสการหลบหนีออกจากประเทศเกาหลีเหนืออยู่ตลอด เป้าหมายคือการไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ประเทศเกาหลีใต้ เนื่องจากว่าสองประเทศนี้อดีตก็คือประเทศเดียวกันที่ถูกแบ่งแยกโดยมหาอำนาจ ทำให้คนทั้งสองประเทศซึ่งเป็นญาติพี่น้องกันไม่สามารถเดินทางไปมาหาสู่กันได้ ถึงแม้ระยะหลังจะมีข่าวว่าประเทศเกาหลีใต้พยายามที่จะผนวกสองประเทศเข้าด้วยกันแต่ก็ยังไม่ถึงเวลานั้น
การลักลอบออกนอกประเทศของเกาหลีแต่ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรงถ้าถูกเจ้าหน้าที่เกาหลีเหนือจับได้ จะได้รับโทษสูงสุดถึงขั้นประหารชีวิต การลักลอบข้ามพรมแดนติดต่อระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้แทบเป็นไปได้ยาก เนื่องจากมีทหารและสิ่งกีดขวางป้องกันอย่างแน่นหนา ว่ากันว่าการลักลอบออกนอกประเทศต้องใช้เส้นทางด้านประเทศเพื่อนบ้าน เช่น สาธารณรัฐประชาชนจีนจะง่ายกว่า จึงต้องหาวิธีอ้อมโลกกลับ ไปเข้าเกาหลีใต้ ซึ่งวิธีการจากผู้ที่เคยถูกจับได้สารภาพคือจะต้องมีการติดต่อประสานงานกันระหว่างญาติพี่น้องที่อยู่ประเทศเกาหลีใต้ แล้วติดต่อขบวนการนายหน้าเพื่อนำพาลักลอบออกจากประเทศเกาหลีเหนือ ซึ่งหากสำเร็จแล้วก็จะมีการ พาด้วยการใช้รถยนต์หรือเรือในบางครั้ง เดินทางรอนแรมผ่านประเทศจีน บางช่วงใช้เส้นทางในแม่น้ำโขง ล่องลงมาทางทิศใต้เพื่อมุ่งสู่ชายแดนประเทศไทย โดยมากจะขึ้นฝั่งที่บริเวณอำเภอเชียงแสน อำเภอเชียงของ และใกล้เคียง ค่าเดินทางต่อหัวต่อคนนายหน้าในขบวนการที่นำพาอาจได้รับเป็นเงินหลักหมื่น หรือหลักแสนบาท มีการจ่ายกันทางก่อนเดินทางและเมื่อถึงปลายทางเมื่อถึงพรมแดนประเทศไทย แล้วเมื่อเข้ามาไทย ก็จะยอมให้ถูกเจ้าหน้าที่ฝั่งไทยจับกุมตัว ดำเนินคดีข้อหาลักลอบหลบหนีเข้าเมือง บางครั้งไม่พบเจ้าหน้าที่ก็ถึงขั้นเดินไปสถานีตำรวจให้จับกุมกันเลยทีเดียว และจุดเด่นคือคนเกาหลีเหนือจะไม่มีหนังสือเดินทาง พาสปอร์ต พูดจาภาษาเกาหลีคล้ายๆ ภาษาจีน คนไทยฟังไม่รู้เรื่อง หลังจากถูกจับกุม อาจจะมีเจ้าหน้าที่จากเกาหลีใต้และล่าม มาติดต่อเพื่อส่งตัวกลับประเทศเกาหลีใต้ต่อไป เนื่องจากการส่งกลับประเทศเกาหลีเหนือเป็นไปไม่ได้ เพราะจะถูกดำเนินคดีถึงประหารชีวิต ระหว่างรอการส่งตัวจะได้รับการดูแลในหลายด้านไม่อดอยาก
ในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 จังหวัดเชียงรายอยู่ในมาตรการป้องกันการลักลอบข้ามแดนตามช่องทางธรรมชาติอย่างเข้มงวด หากลอบเข้าไทยแล้วถูกจับได้ ต้องถูกผลักดันกลับออกนอกประเทศทันทีตามช่องทางนั้น
ล่าสุด เมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 2 ส.ค.63 พ.ต.ท.กิตติภูมิ กันจินะ สว.สส.สภ.เชียงแสน จ.เชียงราย รับแจ้งว่ามีคนลักลอบนั่งเรือข้ามแม่น้ำโขงจากฝั่งลาว มาขึ้นที่ริมตลิ่งใกล้ร้านอาหารแห่งหนึ่งใน ต.เวียง อ.เชียงแสน จึงประสานเจ้าหน้าที่ ตม.เชียงแสน ตำรวจน้ำ นรข.เขตเชียงราย ตำรวจท่องเที่ยว ว่าที่ ร.ต.สมบูรณ์ สุภาอิน สาธารณสุข อ.เชียงแสน พร้อมร้อยเวรสายตรวจ และ ร.ต.ท.ทองพูน ทองไหล รอง สว.สส. รุดออกไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุพบชาย 18 คน พร้อมกระเป๋าเดินทาง นั่งอยู่ริมตลิ่งแม่น้ำโขงทุกคนสวมใส่หน้ากากอนามัย จากการตรวจสอบทุกคนไม่มีหนังสือเดินทาง อ้างว่าไม่ได้นำติดตัวมา เจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้ทำการตรวจคัดกรอง วัดอุณหภูมิ ผลทุกคนอุณหภูมิปกติไม่มีไข้ เบื้องต้นสงสัยว่าจะเป็นคนจีนหรือเกาหลีเหนือ ยังไม่สรุปแน่ชัด แต่ทางเจ้าหน้าที่รายหนึ่งเปิดเผยว่าตอนนี้ด่านพรมแดนทุกด่านของ อ.เชียงแสน ยังไม่เปิดเพราะสถานการณ์ โควิด – 19 ทำให้มี ชาวจีนที่อยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษดอกงิ้วคำ สามเหลี่ยมคำของจีน เมืองต้นผึ้ง สปป.ลาว พยายามลักลอบข้ามแม่น้ำโขงเข้ามาฝั่งไทย ซึ่งต้องดำเนินการผลักดันออกนอกประเทศ เพราะในพื้นที่อำเภอเชียงแสน ไม่มีสถานที่กักตัว ( State Quarantine ) และที่ลักลอบเข้ามาเกรงว่าจะเป็นการนำเชื้อไวรัสโควิด 19 เข้ามาแพร่ในบ้านเรา และขณะนี้ยังอยู่ในภาวะควบคุมโรคติดต่ออยู่ ตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558
ขณะที่ชาวบ้านที่รู้ข่าวว่ามีคนที่อยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษดอกงิ้วคำ สามเหลี่ยมคำ ฝั่งเมืองต้นผึ้ง สปป.ลาว ที่จีนเช่าจากลาว 99 ปี ลอบนั่งเรือข้ามแม่น้ำโขงมาขึ้นฝั่งไทย ต่างวิพากษ์วิจารณ์ว่าทำไม ทางการปล่อยให้เข้าประเทศ เพราะสถานการณ์ของเชื้อไวรัสโควิด-19 ยังมีการติดเชื้อกันอยู่ และด่านพรมแดนยังปิดไม่อนุญาตเดินทางเข้า-ออก และน่าห่วง หากพวกที่หลบเข้ามาติดเชื้อโควิด-19 ก็จะเป็นการนำเชื้อเข้ามาแพร่ในประเทศเรา หากว่าทางเรายังให้พวกที่ลักลอบเข้ามาได้ ก็อาจจะมีพวกที่ต้องการหลบออกมาจากฝั่งเขตของเขตเศรษฐกิจพิเศษจีน ตามเข้ามาอีก
ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้นำทั้ง 18 คน ควบคุมกักตัวไว้ที่ สภ.เชียงแสน เพื่อรอดำเนินการสอบสวนต่อไป
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
ข่าวน่าสนใจ:
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: