เชียงราย-ภาคธุรกิจ-รัฐ จ.เชียงราย ถกเครียดปัญหาไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบการท่องเที่ยวสาหัส กว่าวิกฤตต้มยำกุ้ง รอง ปธ.สภาอุตสาหกรรม ห่วงพ้นช่วงผ่อนผันงดจ่ายต้น-ดอก ต.ค.นี้ หากยังไม่ดีขึ้น อนาคตห่วงภาคธุรกิจก่อหนี้เสียสูงถึง 2 ล้านล้าน ต้องหาทางปรับตัวสู้ ปธ.สมาคมวัฒนธรรมฯไทย-เมียนมา เสนอการค้าไปยังอาเซียนผ่านเชียงราย การค้าข้ามแดนทำได้แบบระวัง หนุนใช้แรงงานในไทย บัตรหัวศูนย์-หก แทนต่างด้าว
เมื่อเวลา 13.00 น.วันนี้ 12 ก.ย.63 ศาสตราจารย์ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน ได้เดินทางเข้าพบปะพูดคุย และกล่าวปาฐกถาพิเศษกับผู้ประกอบการ และกลุ่มชาติพันธุ์ชายแดนไทย เรื่อง “แนวทางการพัฒนาศักยภาพแรงงานตามแนวชายแดนเพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงาน” ณ ห้องเชียงตุง โรงแรมแม่โขงเดลต้าบูติค อ.แม่สาย จ.เชียงราย หลังจากนั้นมี เสวนาหัวข้อ “การพัฒนาฝีมือแรงงานทดแทน เพื่อส่งเสริมการค้า การลงทุนรองรับในยุคชีวิตวิถีใหม่”
นายปริวัฏ บำรุงธรรม รองประธานสภาอุตสาหกรรม จ.เชียงราย กล่าวว่า จากปัญหาสถานการณ์ไวรัสวิด-19 ที่ระบาดไปทั่วโลก ทำให้ประเทศไทยต้องเฝ้าระวังและเว้นระยะห่างทางสังคม Social distancing ทำให้ส่งผลกระทบมากต่อธุรกิจการท่องเที่ยว โรงแรม ทัวร์ รถเช่า ร้านอาหาร ฯลฯ อย่างมากเป็นประวัติการณ์ ซึ่งตนทราบว่าหนี้สินในภาคธุรกิจในระบบธนาคารไทย ทั้งหมดมีราว 18 ล้านล้านบาท และ ภาครัฐได้มีการช่วยเหลือให้ Soft Loan หรือเงินกู้ที่มีอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ ระยะเวลาให้กู้ยาวผ่อนผัน ไม่ต้องจ่ายเงินต้นและดอกเบี้ย 6 เดือน ไปสิ้นสุดในเดือน ต.ค.63 นี้ ตนห่วงว่า หากสถานการณ์ท่องเที่ยวรายได้ยังไม่กระเตื้องขึ้น อาจจะก่อเกิดปัญหากับภาคธุรกิจส่วนนี้ สมมุติว่ามีปัญหาราว 30% จากทั้งหมด หรือราว 6 ล้านล้านบาท ต่อไปอาจจะทำให้เกิดหนี้เสีย หรือ NPL ราว 2 ล้านล้านบาท ซึ่งหนี้ส่วนนี้ถือว่าสูงมาก เพราะในช่วงฟองสบู่แตก ต้มยำกุ้ง ปี 2540 นั้น มีการปิด 56 สถาบันการเงิน มีหนี้เสียราว 6 แสนล้านบาทเท่านั้น ครั้งนี้ถือว่าปัญหาใหญ่กว่า ราว 3 เท่า ดังเช่นที่ การบินไทย เพิ่งได้ล้มละลายไปแล้ว ซึ่งอยากให้ผู้ประกอบการปรับตัวหาแนวทางสู้อย่ายอมแพ้ ธุรกิจรูปแบบใหม่ก็เกิดขึ้น อาทิ ธุรกิจห้องเย็น ด้านอาหาร ขนส่ง ก็มีโอกาสมากขึ้น แต่ให้ทำควบคู่กับธุรกิจเดิมไป
น.ส.ผกายมาศ เวียร์รา ประธานสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-เมียนมา และรอง ประธานหอการค้า จ.เชียงราย และ ปธ.หอการค้า อ.แม่สาย กล่าวว่า การระบาดไวรัสโควิด-19 ระลอก 2 ที่รัฐยะไข่ ภาคตะวันตกของเมียนมา ยังถือว่าไกลจาก จ.เชียงราย กว่า 250 ก.ม.เพราะ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ถือว่าอยู่ตะวันออก เหมือนปลายแขนคนละข้าง แต่ก็ไม่ควรประมาท ทางการเมียนมามีการล็อคดาวน์เมืองหลายแห่ง เพื่อแก้ไขปัญหา ซึ่งตนคิดว่าถึงตอนนี้ ด่านแม่สายแห่งที่ 1 คงจะยังไม่เปิดไปอีกสักพัก การขนส่งสินค้าที่ด่านแม่สาย-ท่าขี้เหล็ก สะพานที่ 2 สินค้าจากฝั่งไทย ต้องมีการนำสินค้าไปถ่ายเทในด่านศุลกากรแม่สาย 2 แล้วถ่ายไปรถเมียนมา เพื่อความปลอดภัยทราบว่าทำให้ต้นทุนสินค้าสูงขึ้น
ตนขอเสนอ การส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศในเส้นทางแม่น้ำโขง ผ่านท่าเรือเชียงแสน จ.เชียงราย ไปจีนตอนใต้ ระยะทางแค่ 270 ก.ม. และทางถนน R3a ผ่านด่าน อ.เชียงของ จ.เชียงราย ไป สปป.ลาว สู่จีน ระยะทาง 248 ก.ม.และ อ.แม่สาย จ.เชียงราย -เชียงตุง เมียนมา เส้นทาง R3b ระยะ 168 ก.ม.ต่อไปเมืองลาชายแดนจีนอีก 70 ก.ม.รวมราว 238 ก.ม. เพราะความตึงเครียดทางทหารระหว่าง สหรัฐอเมริกา กับ จีน ในทะเลจีนใต้ ทำให้ไทยมีโอกาสขายสินค้าในภูมิภาคนี้มาก นายปรีชา อินทรชาธร จัดหางานจังหวัดเชียงราย ชี้ว่า ช่วงนี้คงไม่นำแรงงานต่างด้าวเช่น เมียนมา เข้ามาในประเทศไทย เพราะเสี่ยงต่อไวรัสโควิด-19 จึงควรใช้แรงงานบุคคลบนพื้นที่สูงของไทย หรือแรงงานต่างด้าวที่มีถิ่นฐานในไทย ประเภท บัตรหัวศูนย์ บัตรหัวหก ซึ่งต้องฝึกฝีมือแรงงาน ลดปัญหาขาดแคลนแรงงานให้ภาคธุรกิจประคับประคองสถานการณ์ต่อไป
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: