เชียงราย-รวบแล้วคีบ็อกวีผู้ต้องหาฮุบโครงการนาคราชนครหลังศาลไทยชี้คีบ็อกผิด
วันที่ 3 เม.ย.2564 ภาพเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ตำรวจ สปป.ลาวทำการเข้าจับกุมตัวนาย คีบ็อก วี (Mr. Wee Kibok) อายุ 47 ปี สัญชาติเกาหลีไต้ ขณะหลบซ่อนอยู่ในคอนโดหรูแห่งหนึ่ง ในประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยนายคีบ็อก พยายามขัดขืนการจับกุมก่อนที่ตำรวจจะสามารถจับกุมตัวไว้ได้พร้อมกับนำตัวไปควบคุมไว้ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นภายหลังที่ศาลชั้นต้นของศาลแพ่งกรุงเทพฯ ได้ตัดสินให้นายคีบ็อก วี ที่ตกเป็นจำเลย ต้องโอนหุ้นของบริษัทเอเอซี-กรีน ซีตี้ลาว จำกัด เจ้าของสัมปทานโครงการนาคราช นคร ตั้งอยู่สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 4 บ้านเวียงใหม่ – บ้านดอน เมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว ตรงข้ามอำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย ที่ ประกอบกิจการโรงแรม สนามกอล์ฟ สระว่ายน้ำ ดิวตี้ฟรี ภัตตาคาร ปั้มน้ำมัน สถานบันเทิงครบวงจร บ่อนคาสิโน แหล่งสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติ และกิจการโลจิสติก ที่คนไทยและคนต่างชาติได้ลงทุนบุกเบิกมาตั้งแต่ปี 2007 มูลค่าการลงทุนนับ 1,000 ล้านบาท ซึ่งเมื่อวันที่ 28 ส.ค. 2560 ที่ผ่านมานายคีบ็อค วี และพวกได้วางแผน ให้การเท็จแก่เจ้าหน้าที่ สปป.ลาว ในการขอกำลังเจ้าหน้าที่พร้อมอาวุธสงครามเข้ายึดโครงการนาคราชนคร และเป็นที่มาของการแจ้งความเพื่อดำเนินคดีแก่นายคีบ็อกวี ที่จังหวัดเชียงรายและ สปป.ลาว จนนำมาสู่ขบวนการพิจารณาคดีในชั้นศาลของประเทศไทย โดยศาลแพ่ง คดีหมายเลขดำทึ่ พ๔๒๑๘/๒๕๖๒ คดีหมายเลขแดงที่ พ๘๔/๒๕๖๔ ได้พิพากษาให้จำเลย(นายคีบ็อก วี)ได้โอนหุ้นของบริษัทเอเอซี-กรีน ซีตี้ลาว จำกัด ให้กับเจ้าของตัวจริงประกอบด้วยนางสิชาหรือนาถดา สิงห์สมบุญ ร้อยละ 40, น.ส.ศรัณย์ลภัส หรือ พลอยวงศ์ ร้อละ 20 และให้นายเหมโชค สิงห์สมบุญ ร้อยละ 20
ด้านนายเกรียงศักดิ์ ทนายความ ผู้รับมอบอำนาจ กล่าวว่า เดิมที่ทาง บริษัทเอเอซี-กรีน ซีตี้ จำกัด(ประเทศไทย) โดย ดร.สิชาหรือนาถดา สิงห์สมบุญ เจ้าของแต่เพียงผู้เดียว ได้มอบอำนาจให้นายคีบ็อก วี ชาวเกาหลีใต้ซึ่งเป็นคนรู้จักกับ ดร.เหมโชค สิงห์สมบุญ ลูกชายของ ดร.สิชาไปเป็นตัวแทนเปิดบริษัทลูก บริษัทเอเอซี-กรีน ซีตี้ ลาว จำกัด เพื่อดำเนินการตามโครงการนาคราชนคร โดยวางหลักเกณฑ์ไว้ว่าให้นายคีบ็อกวี มีหุ้น 20% ในการดำเนินการ ที่เหลือเป็นของ ดร.สิชา(หุ้นใหญ่) น.ส.ศรัณย์ลภัส และ ดร.เหมโชค สิงห์สมบุญ ตามลำดับ รวมฝ่ายไทยถิอหุ้น 80% เกาหลี 20% เมื่อโครงการดำเนินการลงทุนจนเป็นรูปร่าง พร้อมเปิดให้บริการ นายคีบ็อก ได้แอบไปจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลเป็นผู้ถือหุ้น 100%ในโครงการนาคราชนคร ซึ่งถือว่าไม่ได้เป็นไปตามข้อตกลงที่นายคีบ็อก วี ได้ทำสัญญาแต่แรกแก่ฝ่ายไทย และเมื่อ ดร.สิชาสอบถามว่าทำไมไม่มีการโอนหุ้นให้ฝ่ายไทยแต่กลับถูกบ่ายเบี่ยงและลุกลามไปถึงขั้นนำกำลังติดอาวุธเข้ามายึด นาคราชนครจนเป็นข่าวโด่งดังและนำมาถึงการแจ้งความจับนายคีบ็อก วี ทั้งในประเทศไทย ใน สปป.ลาวและตำรวจสากล ในขณะที่ ดร.สิชาได้มอบอำนาจให้นายเกรียงศักดิ์ ดำเนินการฟ้องศาลแพ่ง ที่มีอำนาจในการพิพากษาคดีเนื่องจากการบันทึกข้อตกลงของนายคีบ็อก วีกับ ดร.สิชา ได้บันทึกไว้ว่าหากมีคดีความฟ้องร้องกันเกิดขึ้นให้ศาลไทยมีอำนาจในการพิจารณาและนายคีบ็กวี ได้ตั้งทนายเป็นตัวแทนสู้คดี โดยผลการพิพากษาศาลชั้นต้น เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2564 ฝ่ายไทยเป็นฝ่ายชนะดังกล่าว จากนี้ไปต้องดูว่าฝ่ายนายคีบ็อก จะดำเนินการอุทธรณ์ในศาลอุทธรณ์หรือไม่เนื่องจากที่ผ่านมา ศาลให้นายคีบ็อก วีที่อ้างว่าเป็นฝ่ายลงทุนฝ่ายเดียวในโครงการนาคราชนคร ให้นำเอกสารการลงทุนมาแสดงแต่นายคีบ็อกกลับไม่มีเอกสารค่าใช้จ่าย ผิดกับ ดร.สิชา ที่มีเอกสารค่ที่มาของแหล่งของเงินลงทุนลงปในโครงการนาคราช นคร ที่ตั้งอยู่สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 4 บ้านเวียงใหม่ – บ้านดอน เมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว ชัดเจน ซึ่งศาลให้เวลา 30 วัน ในการยื่นอุทธรณ์ แต่นายคีบ็อกวี ได้ยื่นขอยืดเวลาหาหลักฐานมาแสดงแต่เมื่อถึงกำหนดเวลาที่ศาลชั้นต้นขีดเส้นตายไว้ หากนายคีบ็อกวี ไม่มายื่นอุทธรณ์ก็ถือว่าเป็นการสิ้นสุดของคดีมหกาฬยาวนานกว่าทศวรรษ( 14 ปี)
นายเกรียงศักดิ์ กล่าวอีกว่า ส่วนการติดตามขอตัวนายคีบ็อก วี จากทางการ สปป.ลาว มาดำเนินคดีประเทศไทย ก็เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจของไทยที่จะประสานไปยัง สปป.ลาว แต่ติดด้วยระเบียบจึงทำให้เกิดการล่าช้า
ล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหาในคดีอาญาแก่นายคีบ็อก วี อีกด้วย
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ข่าวน่าสนใจ:
- ตรัง – ชาวบ้านบุกอำเภอ ขอค้าขายริมหาดฝรั่งเกาะมุก ชายหาดที่สวยงามอันดับ 2 รองจากเกาะกระดาน ด้านเจ้าหน้าที่ขอจัดระเบียบก่อน ห่วงซ้ำรอยการยึดครองพื้นที่
- ตรัง ชวนช้อปชิมงาน "Andaman Festival" กินเพลิน เดินฟิน ถิ่นอันดามัน ครั้งที่ 4
- AOT เปิดใช้ระบบ Automated Biometric สแกนใบหน้าเช็กอินก่อนขึ้นเครื่องเริ่ม 1 พ.ย. 67
- เปิดฉากเทศกาลภาพยนตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ “WORLD FILM FESTIVAL OF BANGKOK 2024” ภาครัฐ-ภาคเอกชน ร่วมงานคับคั่ง
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: