เชียงราย-กองบัญชาการทหารสูงสุด ดอยไตยแลง สภาเพื่อการกอบกู้รัฐฉาน กองทัพรัฐฉาน RCSS/SSA ออกมาประกาศ รับเกณฑ์ทหารเสริม และพร้อมปกป้องประชาชนในรัฐฉาน
วันที่ 4 เมษายน 2564 Rcss/ssa นำโดย พลเอก เจ้ายอดศึกออกมาประกาศ รับเกณฑ์ทหารชาวไทยใหญ่เพิ่ม ที่รัฐฉานและที่อาศัยในต่างประเทศ ทั้งหญิง/ชาย รับตั้งแต่อายุ 18 ถึง40 ปี โดยประกาศผ่านช่องทางชมรมคนไตยช่วยชาติ ให้ผู้ที่มีความประสงค์อาศัยต่างประเทศและในรัฐฉาน ทางกองทัพไทยใหญ่ จะออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมดในการเดินทางมาเกณฑ์เป็นทหารไทยใหญ่ เพื่อเข้าร่วมปกป้องแผ่นดิน ประชาชนในรัฐฉาน เนืองจากในสถานการณ์ประท้วงในเมียนมาร์ ทางกองทัพเมียนมาร์ ได้เปิดฉากยิงโจมตีกองกำลังติดอาวุธกระเหรี่ยงอย่างต่อเนื่อง ทำให้กองทัพไทยใหญ่จึงต้องเสริมกำลังพล ล่าสุดกองทัพเมียนมาร์มีประกาศ หยุดยิงเริ่มเดือนเมษายน เพื่อให้ประชาชนได้เล่นประเพณีสงกรานต์ แต่ทางกองทัพไทยใหญ่ rcss/ssa ไม่นิ่งนอนใจ จึงเปิดรับสมัครทหารเกณฑ์ขึ้นมาใหม่ เพื่อเสริมกำลัง โดยผ่านกลุ่มชมรมคนไตยช่วยชาติ ชมรมคนไตยช่วยชาติ 
ทั้งนี้ เจ้ายอดศึก” ยันการแจ้งเตือนว่าทหารพม่าจะเปิดการสู้รบในพื้นที่ RCSS/SSA ยังไม่เป็นความจริง แต่กองทัพไทใหญ่ไม่ประมาท และยังกล่าวในที่ประชุมขับเคลื่อนกระบวนการสันติภาพ PPST ย้ำร่วมยืนหยัดกับประชาชนในการต่อต้านรัฐประหาร สนับสนุนการล้มรัฐธรรมนูญ 2008 จัดตั้งสหภาพสหพันธรัฐ และปล่อยตัวผู้ถูกจับกุมทางการเมืองทั้งหมด พล.อ.เจ้ายอดศึก ประธานสภากอบกู้รัฐฉาน ได้ประสานไปยังกรุงเนปิดอว์ ได้รับการยืนยันว่าไม่ได้มีคำสั่งให้เปิดปฏิบัติการสู้รบ เข้าโจมตีกองกำลัง RCSS/SSA ที่อยู่พื้นที่ชายแดนประเทศไทย ตามที่มีเอกสารภาษาไทยระบุมาจากจุดประสานงานชายแดนเมียนมา-ไทย TBC ฝ่ายเมียนมา จ.ท่าขี้เหล็ก เป็นข่าวหลอกลวง แต่กองทัพไทใหญ่ไม่ได้ประมาท ได้สั่งทุกพื้นที่เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
ในวันนี้ 3 เม.ย.64 ที่ผ่านมา พล.อ.เจ้ายอดศึก ได้ประชุมผ่านระบบออนไลน์กับผู้นำกลุ่มชาติพันธุ์ เพื่อหารือถึงสถานการณ์ภายในประเทศเมียนมา หลังการรัฐประหาร เมื่อ 1 ก.พ.2564ที่ผ่านมา มีประชาชนทุกภาคส่วน ร่วมกันประท้วงอย่าสันติเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย แต่กลับถูกปราบปรามอย่างรุนแรงจากตำรวจและทหาร กระบวนการสันติภาพ PPST จึงเรียกร้องให้คณะรัฐประหาร หยุดการกระทำรุนแรงกับประชาชน ขอประณามการโจมตีทางอากาศในพื้นที่ของสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง KNU จนทำให้มีผู้เสียชีวิต บาดเจ็บ และมีผู้พลัดถิ่นจำนวนมาก การประชุม PPST หารือในการช่วยเหลือและสนับสนุนการเคลื่อนไหวของประชาชน
ส่วนในเมืองท่าขี้เหล็ก ตรงข้าม อ.แม่สาย จ.เชียงราย ประชาชนยังดำรงชีพตามปกติ ร้านค้ายังเปิดจำหน่ายสินค้า ตลาดเช้า และตลาดเย็น ยังมีขายสินค้าการตามปกติ แต่มีบางส่วนของหน่วยงานราชการเมียนมาร์ เช่น สถานที่ตำรวจเมืองท่าขี้เหล็ก ที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจหมุนเวียนกันเข้าเวร ในเครื่องแบบ และนอกเครื่องแบบ มีราวกั้น ไม่ให้รถยนต์ และผู้คนสัญจรผ่านไปมา เนื่องจากก่อนหน้าถูกปาด้วยระเบิดปิงปอง 2 ครั้ง ทำให้ต้องตรึงกำลังหน้าที่ทำการ
