เชียงราย-จังหวัดเชียงราย เร่งระดมฉีดวัคซีนโควิด-19 ล็อต 2 แก่เจ้าหน้าที่และบุคลากรทางการแพทย์ อีก 11,000 โดส ซึ่งสามารถฉีดให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ได้ประมาณ 5,800 คน ให้ครอบคลุมในเดือนเมษายนนี้
เมื่อวันที่ 22 เม.ย.64 ตามที่กระทรวงสาธารณสุขได้จัดสรรและกระจายวัคซีนซิโนแวค ให้กับจังหวัดที่เป็นพื้นที่ควบคุมการแพร่ระบาด ซึ่งจังหวัดเชียงรายได้รับจัดสรรวัคซีนมาในล็อตแรก จำนวน 5,000 โดส โดยฉีดวัคซีนเข็มแรกให้แก่กลุ่มเป้าหมายได้ครบ จำนวน 2,500 คน แล้ว โดยคณะกรรมการและคณะทำงานบริหารจัดการการให้วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จังหวัดเชียงราย ได้ยึดหลักการให้เกิดประโยชน์ มีประสิทธิภาพสูงสุด และคลอบคลุมกลุ่มเป้าหมาย โดยจะดำเนินการฉีดให้แก่ผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่เสี่ยง (Risk Area) ที่เสี่ยงต่อการระบาดนายแพทย์วัชรพงษ์ คำหล้า นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงราย เปิดเผยว่า จังหวัดเชียงราย ได้รับการจัดสรรวัคซีนจากกระทรวงสาธารณสุข โดยแบ่งออกเป็น 2 ล็อตด้วยกัน ซึ่งในล็อตแรก ได้รับในต้นเดือนเมษายน จำนวน 5,000 โดส ใช้สำหรับฉีดให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ จำนวน 2,500 คน สำหรับล็อตที่ 2 ได้รับเมื่อวันที่ 21 เมษายน ที่ผ่านมา จำนวน 11,000 โดส ซึ่งสามารถฉีดให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ได้ประมาณ 5,800 คน สำหรับวัคซีนที่ล็อตแรกในต้นเดือนเมษายน ได้ทำการสนับสนุนด้านการสาธารณสุขชายแดน กลุ่มเป้าหมายได้แก่บุคลากรภาครัฐ ใน 7 อำเภอชายแดน ได้แก่ อำเภอแม่สาย อำเภอแม่จัน อำเภอแม่ฟ้าหลวง อำเภอเชียงแสน อำเภอเชียงของ อำเภอเวียงแก่น และอำเภอเทิง และอำเภอเมือง จำนวน 1,800 คน กลุ่มบุคลากรการแพทย์ของเอกชน จำนวน 200 คน และบุคลากรด่านหน้าชายแดน ใน 7 อำเภอชายแดน ประมาณ 500 คน ซึ่งได้ฉีดวัคซีนเข็มแรกครบตามเป้าหมาย 2,500 คน แล้ว สำหรับวัคซีนล็อตที่ 2 จำนวน 11,000 โดส จะได้นำมาฉีดให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ของรัฐและเอกชน ประมาณ 5,200 คน กลุ่มโรคประจำตัวประมาณ 400 คน กลุ่มทหารตำรวจ ตม.ประจำด่านต่างๆจำนวน 280 คน ซึ่งวัคซีนในรอบที่ 2 นี้ จะได้เริ่มทำการฉีดตั้งแต่วันนี้ (22 เมษายน 2654) จนถึง 23 เมษายน 2564 ให้ครบตามกลุ่มเป้าหมายทั้งหมด และกำหนดให้บริการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 หลังเข็มแรก ใน 21-28 วัน หรือ 3 – 4 สัปดาห์ที่ได้รับเข็มแรกไปแล้วตามลำดับต่อไปทางด้าน พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เผยผลการประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 20 เม.ย. 64 ผ่านการประชุมระบบการประชุมทางไกล Video Conference เกี่ยวกับความพร้อมของวัคซีนว่า การนำเข้าวัคซีนโควิด-19 ในเดือนกุมภาพันธ์มีวัคซีนนำเข้าจาก Sinovac จำนวน 200,000 โดส และ AstraZeneca จำนวน 117,000 โดส ในเดือนมีนาคมนำเข้าวัคซีนจาก Sinovac จำนวน 800,000 โดส และเดือนเมษายนนำเข้าวัคซีนจาก Sinovac จำนวน 1,000,000 โดส โดยแจกจ่ายไปยังพื้นที่ต่าง ๆ แล้ว ซึ่งในวันที่ 24 เมษายน นี้จะมีวัคซีนจาก Sinovac จำนวน 500,000 โดส และในเดือนพฤษภาคมจำนวน 1,000,000 โดสที่อยู่ระหว่างการหารือร่วมกับรัฐบาลจีนสำหรับวัคซีน AstraZeneca ที่ผลิตในประเทศไทยจะเริ่มทยอยส่งตั้งแต่เดือนมิถุนายน จำนวน 4,000,000 – 6,000,000 โดส และจะเพิ่มจำนวนตั้งแต่เดือนกรกฎาคมไปถึงสิ้นปีจนครบ 61,000,000 โดส นายกรัฐมนตรีแต่งตั้งคณะกรรมการจัดหาวัคซีนโดยมีนายแพทย์ปิยะสกล สกลสัตยาพร เป็นประธาน เพื่อหารือร่วมกับสมาคมโรงพยาบาลเอกชนและผู้เชี่ยวชาญ ในการจัดหาวัคซีนทางเลือกแก่ประชาชนได้ นายกรัฐมนตรียังกล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมาประเทศไทยสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ในระดับดีมาก และมีการจัดหาวัคซีนเน้นตามความจำเป็น โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนที่จะต้องได้รับการฉีดวัคซีน ซึ่งเป็นการใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉินขณะนี้มีบริษัทผลิตวัคซีนหลายยี่ห้อที่ได้เสนอขายวัคซีนแก่ประเทศไทย โดยสถาบันวัคซีนอยู่ระหว่างการพิจารณาหารือราคาและเงื่อนไขกับ บริษัท ไฟเซอร์ (Pfizer) เพื่อเป็นการจัดหาวัคซีนเพิ่มเติมปริมาณ 5,000,000 – 10,000,000 โดส รวมทั้งต้องเร่งฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมประชาชนในกลุ่มเสี่ยงตามข้อกำหนดของกระทรวงสาธารณสุขโดยเร็วที่สุดในทุกจังหวัด เพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ พร้อมจัดเตรียมวัคซีนสำรองไว้เพิ่มเติม ทั้งนี้ จะมีการเปิดให้สำหรับประชาชนที่มีความประสงค์จะเข้ารับการฉีดวัคซีนลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน “หมอพร้อม” ในวันที่ 1 พฤษภาคม 2564 นี้
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ข่าวน่าสนใจ:
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: