เชียงราย-หนุ่มแม่ลาวขอชี้แจง หลังถูกพาดพิงหลอกตุ๋นลงทุนซื้อเป็ดไก่ส่งออกลาว เผยโควิดกระทบธุรกิจ พร้อมไกล่เกลี่ยกับหุ้นส่วนทุกราย ด้านผู้เสียหายบอกเดือดร้อนจริง แจ้งความเพื่อไม่อยากให้ใครตกเป็นเหยื่อ
เมื่อวันที่ 15 พ.ค. 64 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่บ้านเลขที่ 182 บ้านท่ามะโอ ม.8 ต.จอมหมอกแก้ว อ.แม่ลาว จ.เชียงราย เพื่อติดตามกรณีที่มีผู้ไปแจ้งความว่าถูกหนุ่มแม่ลาวชักชวนลงทุนซื้อเป็ด-ไก่เพื่อส่งขาย สปป.ลาว มีผู้เสียหายหลายราย สูญเงินรวมกันนับล้านบาท ผู้สื่อข่าวได้สอบถามนายชวนากร ก๋าเหล็ก ชาวบ้านท่ามะโอ อ.แม่ลาว ผู้ซึ่งถูกพาดพิงตามข่าวที่ออกตามสื่อออนไลน์ไปก่อนหน้านี้ โดยนายชวนากรเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตนได้ลงทุนค้าเป็ด-ไก่ส่งออก สปป.ลาว เริ่มต้นธุรกิจเมื่อประมาณช่วงปลายปี 2563 ซึ่งที่ผ่านมาธุรกิจเป็นไปด้วยดี มีออเดอร์เข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ จึงคิดขยับขยาย โดยช่วงแรกเคยไปลงโพสต์ชักชวนในกลุ่มผู้ค้าเป็ดไก่ในเฟซบุ๊ก แต่การชักชวนรอบนั้นไม่มีผู้มาร่วมลงทุนแต่อย่างใด จึงลองชักชวนผู้ที่เคยทำการค้าขายกันมาก่อน โดยมีผู้สนใจมาร่วมเป็นหุ้นส่วนลงทุนหลายราย ได้มีการพาผู้ที่จะร่วมลงทุนมาดูพื้นที่เลี้ยงเป็ดไก่ที่บ้าน และหลายคนก็เคยพาไปซื้อขายเป็ดไก่ด้วยกัน มีการพูดคุยสนทนาผ่านแชท และเวลามีการค้าขาย ตนก็ถ่ายภาพการนำของไปส่งและถ่ายรูปบิลขาย ส่งให้กับหุ้นส่วนดูตลอด แต่พอมาช่วงปลายปี 63 ยาวมาจนถึงช่วงต้นปี 64 นี้ ก็ติดปัญหาการระบาดของโรคโควิด ทำให้การส่งออกสินค้าสดไป สปป.ลาว เป็นไปด้วยความยากลำบาก เป็นเหตุให้ไม่มีเงินพอจะไปจ่ายคืนให้กับหุ้นส่วนที่มาร่วมลงทุนด้วย ด้านฝ่ายที่ลงทุนที่ไม่ได้เงินคืนจึงพากันไปแจ้งความดังที่เป็นข่าวนายชวนากรเผยอีกว่า ตนอยากขอชี้แจงว่า มีหุ้นส่วนที่มาร่วมลงทุนในธุรกิจส่งออกเป็ดไก่จริงๆ แค่ประมาณ 6 ราย มียอดลงทุนแบ่งเป็นสินค้ามูลค่า 138,550 บาท และเงินลงทุน 234,000 บาท ยอดรวมทั้งหมด 381,550 บาท ไม่ได้มียอดลงทุนเกือบล้านบาทตามที่เป็นข่าวไปก่อนหน้านี้ แต่ยอดเงินตามที่ตนเคยเขียนให้หุ้นส่วนดูนั้น เป็นเพียงยอดหนี้ส่วนตัวของตน รวมทุกอย่างเท่าที่นึกขึ้นได้ ไม่ใช่เงินลงทุนในธุรกิจนี้ทั้งหมด และตนไม่ได้ระดมทุนทางโซเซียล ทุกคนที่มาร่วมลงทุนเป็นคนรู้จักที่เคยค้าขายกันมาก่อน แต่ช่วงนี้ติดภาวะการระบาดของไวรัสโควิด-19 ไม่สามารถส่งออกได้ แต่ตนไม่ได้มีเจตนาที่หลบหนีหรือไม่จ่ายเงินคืนหุ้นส่วนแต่อย่างได พยายามขอเจรจากับหุ้นส่วนที่ร่วมลงทุนแล้ว โดยส่วนใหญ่จะขอทำเป็นสัญญาเงินกู้และขอผ่อนชำระจ่ายเป็นรายเดือน บางรายก็นำรถยนต์ไปวางค้ำประกันหนี้ แต่หุ้นส่วนส่วนใหญ่จะไม่ยอม อยากได้เป็นเงินก้อนเต็มจำนวน ซึ่งตนเองก็ยังไม่มีคืนให้ จึงพากันไปแจ้งความตนพยายามหาเงินมาคืนทุกวิถีทาง ทั้งการนำไก่ไปส่งที่ สปป.ทางด่านเชียงของ ซึ่งช่วงนี้ก็ข้ามได้แค่คันละ 1 คน แต่พอไปส่งคนซื้อฝั่ง สปป.ลาว ก็จ่ายมาแค่ค่าขนส่งมาให้กับคนส่งของ โดยบอกว่าจะโอนมาให้ แต่เงียบหายติดต่อไม่ได้ สูญเงินไปกว่า 1.2 แสนบาท และอีกรอบก็ช่วยเอาไก่ของชาวบ้านไปส่งที่แม่สาย แต่พอไปถึงคนซื้อก็ปฏิเสธไม่รับของอีก เพราะส่งออกไม่ได้ ต้องเอากลับมาเลี้ยงที่บ้านอีก คิดเป็นมูลค่าไก่ราว 3 หมื่นบาท แถมต้องจ่ายค่าอาหารเลี้ยงเป็ดไก่อีกวันละ 300-400 บาท ครั้นจะเอาเป็ดไก่ไปขายส่งตลาดใกล้บ้านก็อยู่ในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ ไม่มีคนซื้อ ตอนนี้โพสต์ขายหลายอย่างทั้งไก่ เป็ด แบบเป็นตัวและแบบชำแหละ คั่ว รวมถึง ขายพระเครื่อง ต้นไม้ ที่ดิน เพื่อจะนำเงินมาคืนผู้ลงทุน“พอมีข่าวออกไปว่ามีคนไปแจ้งความหาว่าตนไปต้มตุ๋นหลอกลวงลงทุน ทำให้คนที่เคยซื้อขายกันมาขาดความเชื่อมั่น บางรายก็ยกเลิกออเดอร์ บางรายก็ขอมาคัดเอาเป็ดไก่ที่เลี้ยงไว้ เอาไปขายตามจำนวนเงินลงทุน จึงอยากมาขอชี้แจงทำความเข้าใจ และพร้อมจะพูดคุยตกลงกับผู้ลงทุนทุกคน ไม่คิดจะหลบหนีไปไหน พร้อมแสดงหลักฐานต่างๆ ในการซื้อขายตกลง ตามที่ตนกล่าวอ้างทั้งหมด เพียงแต่ช่วงนี้โควิดระบาด ค้าขายลำบาก อยากขอความเห็นใจจากหุ้นส่วนทุกคน และพร้อมเจรจาเพื่อขอผ่อนชำระเงินทุนคืนให้ครบตามจำนวน วิงวอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเจรจาตกลงในครั้งนี้ด้วยอยากขอความเห็นใจกับผู้ร่วมลงทุนทุกคน” นายชวนากรกล่าวด้าน น.ส.สุภญา อินญาวิเลิศ อยู่ที่ ต.แม่เงิน อ.เชียงแสน จ.เชียงราย หนึ่งในผู้เสียหาย เผยกับผู้สื่อข่าวว่า ได้เห็นโพสต์รับซื้อไก่ของนายชวนากร ในกลุ่มซื้อขายในเฟซบุ๊กเชียงราย จึงติดต่อขายไก่ให้ ต่อมาได้รับการติดต่อเพื่อชักชวนร่วมลงทุนส่งเป็ดไก่ขาย สปป.ลาว โดยจะมีผลกำไรแบ่ง 70-30 โดยที่ไม่ต้องทำอะไร ให้โอนแต่เงินมาร่วมลงทุน หากส่งไก่ออกเสร็จได้ผลกำไร จะโอนเงินคืนให้เหยื่อ 30 เปอร์เซ็นต์ ของจำนวนเงินที่ร่วมลงทุน โดยแสดงสำเนาหนังสืออนุญาติจากปศุสัตว์เพื่อส่งออกไก่ไปลาวให้ดู ทำให้น่าเชื่อถือน.ส.สุภญา จึงไปที่บ้านของชายคนดังกล่าว ที่ อ.แม่ลาว พบว่ามีฟาร์มเลี้ยงเป็ด-ไก่ อยู่ภายในบ้าน ลักษณะน่าเชื่อถือว่ามีการส่งออกจริง จึงได้หลงเชื่อทยอยโอนเงินไปให้หลายครั้ง รวมเฉพาะที่มีหลักฐานเป็นจำนวนเงิน 94,000 บาท จากนั้นผ่านไปนาน ไม่เห็นมีการโอนเงินส่วนกำไรกลับคืน โทรไปก็ไม่ยอมรับสาย จึงตามไปหาที่บ้านพบภรรยาชายคนดังกล่าวเมื่อสอบถามก็ถูกปฎิเสธไม่รับรู้เรื่องที่เกิดขึ้น”ตนจึงรวมตัวผู้เสียหายรายอื่นอีกประมาณ 5 รายที่มีหลักฐานชัดเจน รวมมูลค่าความเสียหายตามหลักฐานประมาณ 2-3 แสนบาท เพื่อจะไปแจ้งความดำเนินคดี และจะไปร้องเรียน ผวจ.เชียงราย สำนักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน เพื่อเรียกร้องเงินทุนคืนและดำเนินคดีเป็นอุทาหรณ์ จะได้ไม่มีใครตกเป็นเหยื่อของบุคคลดังกล่าวอีกในอนาคต” น.ส.สุภญากล่าว
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: