เชียงราย-จากกรณีมีคนไทยในฝั่ง จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ได้แจ้งขอกลับประเทศไทยล่าสุดยังพบหลบซ่อนอยู่ในห้องพักอีก 8 คน โดยพบตัวเพราะมีจำนวน 5 คนในทั้งหมดป่วยติดโควิด-19 ด้วย
วันนี้ (26 ก.ค.) จากกรณีมีคนไทยในฝั่ง จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ได้แจ้งขอกลับประเทศไทย มาทางจุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา ข้ามลำน้ำสายแห่งที่ 2 นั้น ล่าสุดพบว่าเจ้าหน้าที่เมียนมาไม่ได้มีการส่งคนไทยดังกล่าวกลับคืนมาแต่อย่างใด สาเหตุเพราะยังไม่สามารถสอบปากคำคนทั้งหมดได้เนื่องจากล่าสุดได้ตรวจสอบพบว่ามีมากกว่า 72 คน และล่าสุดยังพบหลบซ่อนอยู่ในห้องพักอีก 8 คน โดยพบตัวเพราะมีจำนวน 5 คนในทั้งหมดป่วยติดโควิด-19 ด้วย ทางการเมียนมาจึงได้นำตัวผู้ป่วยทั้ง 5 รายไปทำการรักษา ส่วนอีก 3 คนแยกนำไปกักตัวเพื่อรอดูอาการ
เจ้าหน้าที่เมียนมาระบุว่าสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในท่าขี้เหล็ก ทำให้มีการล็อกดาวน์และเคอร์ฟิว รวมทั้งบุคลากรก็มีน้อยและมีเจ้าหน้าที่ที่ติดโควิด-19 หลายราย ส่วนการจะส่งกลับคนไทยจะต้องนำตัวไปสอบปากคำแต่ไม่มีห้องโถงขนาดใหญ่จึงใช้ที่โล่งในการสอบแต่ปรากฎว่าช่วงนี้ฝนตกตลอดทั้งวันจึงไม่สามารถทำได้ ทั้งนี้ตามปกติจะใช้เวลาดำเนินการราว 2 วัน จากนั้นจึงส่งตัวไปเสียค่าปรับคดีหลบหนีเข้าเมือง 11,000 บาท และจึงส่งไปยังด่านพรมแดนต่อไป ล่าสุดยังมีการประกาศให้ศาลหยุดทำการไปจนถึงวันที่ 1 ส.ค.อีกทำให้การดำเนินการทุกอย่างต้องหยุดลงไปโดยปริยาย
ขณะที่ผู้ประสานงานศูนย์ช่วยเหลือแรงงานข้ามชาติ จ.เชียงราย ซึ่งมีอาจารย์สืบสกุล กิจนุกร นักวิชาการสำนักวิชานวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย เป็นผู้ประสานงานศูนย์ฯ ยังคงได้รับแจ้งจากหญิงสาวที่ตกค้างอยู่ใน จ.ท่าขี้เหล็ก อย่างต่อเนื่องว่ามีความเครียดที่ติดค้างอยู่ในห้องพักในท่าขี้เหล็กโดยบางครั้งอยู่กันหลายคนต่อห้อง และไม่รู้่ว่าจะได้กลับประเทศไทยเมื่อไหร่ ครั้นจะออกจากโรงแรมก็ไม่ได้เพราะมีการล็อกดาวน์ และเคอร์ฟิว หรือถ้าออกไปแล้วไม่สามารถกลับไปพักยังที่เดิมอีกได้ เพราะโรงแรมแต่ละแห่งไม่อยากรับคนไทยเช่นกัน ขณะที่หญิงสาวชาวไทยที่ติดโควิดและถูกส่งตัวไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลสนามในท่าขี้เหล็กจำนวน 2 ราย พบว่าหายจากอาการป่วยแล้ว และเดิมมีกำหนดจะถูกส่งกลับประเทศไทยในวันพุธที่ 28 ก.ค.นี้ แต่เนื่องจากสถานการณ์เปลี่ยนไปทำให้ไม่ได้กลับมาเหมือนคนอื่นๆ ไปโดยปริยายเช่นกัน.
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
ข่าวน่าสนใจ:
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: