เชียงราย-แม่ของคู่สามีภรรยาใบ้แม่สายที่กินยาฆ่าตัวตาย เผยชีวิตสุดรันทด ต้องดูแลลูกชายคนเล็กพิการซ้ำซ้อนและหลานอีก 2 คน วอนช่วยเหลือ
เมื่อวันที่ 27 ส.ค. 64 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ติดตามกรณีที่มีคู่สามีภรรยาใบ้กินยาฆ่าหญ้าฆ่าตัวตาย หลังจากไปขอเงินจากแม่แต่ไม่ได้ จึงตัดสินใจพากันจบชีวิตเศร้า โดยเหตุเกิดที่บ้านเลขที่ 158/1 ม.6 ต.ห้วยไคร้ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ตั้งแต่วันที่ 25 ส.ค. ที่ผ่านมา
ผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับนางพิมลรัตน์ ธีรอักษร อายุ 49 ปี แม่ของผู้เสียชีวิต ที่บ้านเลขที่ 105/5 ม.7 ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย โดยนางพิมลรัตน์ ได้เผยสุดชีวิตสุดรันทดว่า ตนเองได้หย่าขาดกับสามีตั้งแต่ลูกชายคนเล็กอายุได้ 2 เดือน เพราะสามีติดการพนัน สร้างหนี้สินจำนวนมาก ตนเองต้องขายบ้านมาใช้หนี้ในราคา 5 แสน แต่ก็ยังไม่พอใช้หนี้ หลังหย่ากับสามีก็พาลูกชาย 3 คนมาอยู่อาศัยที่บ้านพี่สาวที่บ้านเลขที่ 105/5 ม.7 ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย แต่ต่อมาลูกชายคนกลาง ตอนอายุได้ 19 ปี ก็ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต ผ่านมาได้ประมาณ 3 ปีกว่า ส่วนลูกชายคนโตคือนายบถญเกิด ธีรอักษร อายุ 26 ปี เป็นผู้พิการหูหนวกเป็นใบ้ คบหาอยู่กินกับนางสุรีย์ เบียแล อายุ 22 ปี มีอาการพิการเหมือนกับลูกชายของตน ก่อนหน้านั้นทั้งคู่จะนำขนมขบเคี้ยวที่ตนเองใส่ถุงไปเดินขายตามร้านอาหารช่วงกลางคืน แต่ช่วงนี้ประสบปัญหาการระบาดของโควิด ร้านค้าร้านอาหารปิดบริการ จึงไม่มีรายได้มานานนับปี
ก่อนหน้าที่ทั้งคู่จะก่อเหตุ ก็ได้มาถามขอยืมเงินกับตน แต่ตนไม่มีให้ เพราะอยู่ในช่วงไม่มีงานเหมือนกัน โดยก่อนหน้านี้นางพิมลรัตน์แม่ผู้ตายประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป โดยล่าสุดทำงานร้านขายกล้าไม้ ที่แถว ต.ห้วยไคร้ อ.แม่สาย ได้ค่าแรงวันละ 280 บาท แต่ตอนนี้ก็ว่างงานไม่มีคนจ้าง แต่ต้องดูแลคนในบ้านรวม 6 ชีวิต จึงไม่มีเงินให้ตามที่ลูกชายและลูกสะไภ้ร้องขอ เมื่อไม่ได้เงิน ทั้งคู่ก็คงเครียด จึงตัดสินใจซื้อยาฆ่าหญ้ามากิน จบปัญหาชีวิตเศร้า ทิ้งให้แม่ต้องมารับภาระดูแลเลี้ยงดูลูกชายคนเล็ก อายุ 17 ปี ที่ป่วยพิการซ้ำซ้อน มีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง และออทิสติกส์ รวมถึงหลานสาว อายุ 5 ปี และหลายชายอายุ 2 เดือน ซึ่งเป็นลูกของนายบุญเกิดและนางสุรีย์ที่เพิ่งเสียชีวิตไป
ข่าวน่าสนใจ:
นางพิมลรัตน์ เผยต่อว่า หลังจากที่มีข่าวการเสียชีวิตของลูกชายและลูกสะไภ้เผยแพร่ออกไป ก็มีหน่วยงานต่างๆ เข้ามาช่วยเหลือบ้าง เช่น พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดเชียงราย และมูลนิธิบ้านและเด็ก ได้มามอบสิ่งของช่วยเหลือ แต่ในส่วนที่เกี่ยวกับเงินเยียวยาจะต้องไปยื่นเอกสารขอรับการช่วยเหลือกับหน่วยงาน ซึ่งคงต้องรให้จัดการเกี่ยวกับงานศพให้ลุล่วงไปเสียก่อน
“ชีวิตทุกวันนี้สุดลำบาก อยากจะได้ที่อยู่อาศัยเล็กไป เป็นของตนเอง เพราะทุกวันนี้ต้องอาศัยอยู่บ้านเช่า ไม่อยากจะรบกวนพี่สาวมาก เพราะต่างคนก็มีครอบครัวต้องดูแล ตนอยากมีงานทำ อยากมีรายได้มาดูแลลูกหลาน และในส่วนของการดูแลลูกชายซึ่งมีอาการพิการซ้ำซัอน และหลานชายคนเล็กที่ต้องไปประเมินพัฒนาการตามหมอนัดอย่างสม่ำเสมอ ก็อยากจะได้ผ้าอ้อมสำเร็จรูปสำหรับทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เนื่องจากค่าใช้จ่ายตรงนี้ค่อนข้างสูง ลำพังแค่เบี้ยพิการของลูกชายเดือนละ 800 บาท ก็ไม่เพียงพออยู่แล้ว ถ้าใครที่พอมีกำลังทรัพย์ก็อยากขอความอนุเคราะห์ ช่วยเหลือครอบครัวตนด้วย” นางพิมลรัตน์ กล่าว
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: