เชียงราย-ชาวบ้านเอื้ออาทรแม่สายผวาไม่ดี การเคหะไล่ 30 เม.ย.นี้ อาร์ทีฯ คู่ความขอชาวบ้านจ่ายเหมือนเดิมอ้างฟ้องร้องกันยังไม่ยุติ
วันที่ 24 เม.ย.2565 มีรายงานว่าในปัจจุบันชาวบ้านในโครงการบ้านเอื้ออาทรเชียงราย (แม่สาย 2) ต.โป่งผา อ.แม่สาย จ.เชียงราย ของการเคหะแห่งชาติ และอยู่ระหว่างการผ่อนชำระค่าบ้านต่างได้รับหนังสือจากการเคหะแห่งชาติลงนามโดยนายคัจฉพงศ์ ไชยพล เคหะ จ.เชียงราย ลงวันที่ 8 เม.ย.2565 ขอให้ชาวบ้านไปทำสัญญาเช่ากับการเคหะแห่งชาติด้วย โดยในหนังสือมีเนื้อหาว่าศาลแพ่งได้มีคำพิพากษาให้ขับไล่บริษัทอาร์ที พร็อพเพอร์ตี้ แอนด์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด และบริวารออกจากที่ดินและอาคารในโครงการฯ เมื่อวันที่ 23 ธ.ค.2564 แล้ว พร้อมทั้งให้ส่งมอบที่ดินและอาคารคืนรวมทั้งชำระค่าเสียหายให้ด้วย ดังนั้นจึงขอให้ชาวบ้านได้ทำสัญญาเช่ากับการเคหะแห่งชาติภายในวันที่ 30 เม.ย.นี้ และเมื่อบริษัทฯ ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลจึงทำให้การเคหะแห่งชาติได้มีการดำเนินการบังคับคดีโดยปัจจุบันอยู่ระหว่างศาลออกหมายบังคับคดีอยู่ ส่วนชาวบ้านหากครบกำหนดดังกล่าวแต่ยังไม่ได้ทำสัญญาเช่าใหม่ก็จะถือว่าเป็นบริวารของบริษัทฯ ซึ่งจะต้องถูกดำเนินการบังคับคดีขับไล่ออกจากบ้านพักอาศัยต่อไป
ล่าสุดบริษัทฯ ได้จัดประชุมชาวบ้านเพื่อชี้แจงในเรื่องดังกล่าว โดยทางฝ่ายกฎหมายของบริษัทฯ หลายคน เช่น พ.ต.อ.ดร เพทาย ทัพมงคล ฯลฯ ได้เป็นตัวแทนแจ้งกับชาวบ้านว่ากรณีการจ่ายเงินค่าเช่าซื้อที่ผ่านมาจะไม่สูญเสียไปอย่างเปล่าประโยชน์เพราะยังคงมีผลผูกพันกับชาวบ้าน ส่วนการฟ้องร้องของการเคหะแห่งชาติที่มีต่อบริษัทฯ นั้นไม่มีผลต่อชาวบ้านผู้เช่าซื้อเพราะถือเป็นบุคคลที่ 3 ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลใดๆ โดยการจ่ายเงินค่าเช่าซื้อยังคงทำได้กับบริษัทเหมือนเดิมและเมื่อต้องการโอนทางบริษัทก็พร้อมดำเนินการให้โดยไม่มีข้อแม้ใดๆ ซึ่งที่ผ่านมาได้ดำเนินการไปแล้ว 300 กว่าหลังและในส่วนที่เหลือไม่สามารถโอนได้เพราะเกิดปัญหาการฟ้องร้องโดยการเคหะแห่งชาติได้ฟ้องขับไล่บริษัทฯ กระนั้นในปัจจุบันถือว่าคดียังไม่ถึงที่สุดและทางบริษัทฯ ก็มีการฟ้องร้องต่อการเคหะแห่งชาติเช่นกันดังนั้นจึงเกิดการฟ้องร้องกันไปมาโดยไม่มีข้อยุติ
ด้านนายพิชัยยุทธ ประทุม ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่บ้านเอื้ออาทรเชียงราย (แม่สาย 2) กล่าวว่าชาวบ้านในโครงการต่างเดือดร้อนทั้งการอยู่อาศัยที่ต้องผ่อนซื้อและการซื้อขาย รวมทั้งสับสนและไม่มั่นใจว่าจะจายเงินค่าผ่อนซื้อให้กับการเคหะแห่งชาติหรือบริษัทฯ ดี จนถึงขั้นทำให้ชาวบ้านบางส่วนไม่ประสงค์ที่จะเช่าอยู่แล้ว ซึ่งสภาพปัญหาเช่นนี้มีมายาวนานกว่า 1 ปีแล้ว ขณะที่ชาวบ้านส่วนใหญ่เป็นประเภทหาเช้ากินค่ำหรือลูกหลานไปทำงานแล้วส่งมาให้เช่าซื้อและอาศัยอยู่จึงรู้สึกเป็นทุกข์กันอย่างมาก นอกจากนี้ล่าสุดการเคหะแห่งชาติยังมีหนังสือแจ้งว่าหากผู้ใดไม่ไปลงทะเบียนกับการเคหะแห่งชาติก็จะถูกฟ้องร้องขับไล่ ส่วนทางบริษัทก็มีการประชุมชี้แจงกับชาวบ้าน ทำให้ตนในฐานะตัวแทนของฝ่ายปกครองได้แต่เพียงแนะนำให้ชาวบ้านได้รวบรวมหลักฐานต่างๆ ทั้งสัญญาเช่าซื้อ การผ่อนแต่ละงวด ฯลฯ เอาไว้ให้ครบถ้วนเพื่อยืนยันว่าเราได้ทำตามระเบียบการเช่าซื้อครบถ้วนแล้ว ทั้งนี้ในปัจจุบันในหมู่บ้านมีจำนวน 496 หลังคาเรือน และมีผู้ที่ซื้อสดหรือนำบ้านเข้าสู่ระบบการผ่อนชำระกับธนาคารไปแล้วประมาณ 300 หลังคาเรือน และยังคงเหลือที่เป็นปัญหาไม่สามารถนำเข้าธนาคารและยังต้องผ่อนชำระกับบริษัทประมาณ 170 หลังคาเรือน
ข่าวน่าสนใจ:
- บ้านใหญ่พรรคเพื่อไทยเชียงราย เปิดตัวผู้สมัครนายก อบจ.พร้อมกับนำทีมผู้สมัคร สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ทั้ง 36 เขต ในนามพรรคเพื่อไทย
- ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงราย เชิญส่วนราชการ เอกชน สื่อมวลชน 50 คน เยี่ยมชมแหล่งท่องเที่ยวในชุมชนกระตุ้นการท่องเที่ยว-เศรษฐกิจในชุมชน อย่างยั่งยืน
- นักท่องเที่ยวแห่ชมดอกไม้งามดอยตุง ชิมอาหารพื้นถิ่น ถ่ายรูปดอกไม้สวย
- คู่แข่งนอกสายตานายก ก้อย “พนธ์ มรุชพงษ์สาธร” ขอวัดดีกรีว่าที่นายก อบจ.แปดริ้ว
ก่อนหน้านี้การเคหะแห่งชาติเคยมีประกาศลงวันที่ 14 มิ.ย.2564 ไปถึงผู้อยู่อาศัยได้ยื่นคำร้องขอเช่ากับการเคหะแห่งชาติโดยระบุว่าสัญญาเช่าเหมาอาคารและบริหารชุมชนที่มีกับบริษัทฯ ได้สิ้นสุดลง อย่างไรก็ตามพบว่าทางบริษัทฯ ยังคงปฏิบัติงานอยู่ในโครงการบ้านเอื้ออาทรเชียงราย (แม่สาย 2) ต่อและขึ้นป้ายที่มีเนื้อหาว่าการเคหะแห่งชาติไม่มีสิทธิ์ดำเนินการใดๆ ในหมู่บ้าน เนื่องจากบริษัทได้ฟ้องดำเนินคดีกับการเคหะแห่งชาติด้วยเช่นกัน โดยคดียังไม่สิ้นสุดทำให้สัญญายังไม่ระงับ ซึ่งสภาพการณ์ดังกล่าวทำให้ชาวบ้านที่อาศัยยังคงสับสนกระทั่งมีหนังสือแจ้งเส้นทางก่อนวันที่ 30 เม.ย.นี้ดังกล่าว รวมทั้งเรื่องราวมีทีท่าว่าจะยืดยาวเนื่องจากกรณีบริษัทฯ ได้ฟ้องศาลแพ่งต่อการเคหะแห่งชาติ ข้อหาผิดสัญญา ละเมิด เรียกค่าเสียหาย และใช้สิทธิโดยไม่สุจริต เมื่อเดือน พ.ย.2564 ที่ผ่านมานั้นปรากฎว่ามีการนัดสืบโจทย์วันที่ 25 พ.ค.2566 และสืบจำเลยวันที่ 26 พ.ค.2566 หรืออีกกว่า 1 ปีข้างหน้า.
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: