เชียงราย-ชาวบ้านที่เชียงรายเดือดร้อน อบต.สาวแสบ! แอบเอาข้อมูลไปยื่นค้ำประกันเงินกู้ จนถูกตามข่มขู่ ผู้เสียหายนับสิบราย
วันที่ 7 ก.ค. 65 ผู้สื่อข่าวได้รับการแจ้งประสานเพื่อขอช่วยประชาสัมพันธ์เตือนภัยสังคม หลังจากมีสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลแห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.เชียงราย ได้มีพฤติกรรมลักลอบนำหลักฐานสำเนาบัตรประชาชนของชาวบ้านไปยื่นค้ำประกันกู้เงินนอกระบบ แล้วก็เปลี่ยนเบอร์ บล็อกการติดต่อในโซเซียล จนชาวบ้านที่มีชื่อเป็นผู้ค้ำ ถูกเจ้าของเงินกู้ตามข่มขู่ทวงเงิน จนผู้ใหญ่บ้านต้องพาไปแจ้งความเป็นหลักฐาน มีผู้เดือดร้อนนับ 10 ราย แถมพบมีประวัติไล่ขอยืมเงินทั่วหมู่บ้าน 400 หลังคาเคยโดนถ้วนหน้า
จากการสอบถามชาวบ้านที่เดือดร้อนเล่าว่า บุคคลที่แอบเอาเอกสารไปยื่นกู้เงินนอกระบบตามที่แจ้งกับผู้สื่อข่าวนั้น มีตำแหน่งเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล (ส.อบต.) แห่งหนึ่ง ในอดีตสมัยดำรงตำแหน่งเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านของผู้ใหญ่บ้านคนเก่า ก็เคยมีประวัติเสียเรื่องการเงิน ทั้งการไล่ขอยืมเงินหรือการข่มขู่ขอเงินจากคนในพื้นที่หมู่บ้านและใกล้เคียง เคยถูกตามทวงเงินจนต้องย้ายหลบไปอยู่ที่อื่นเป็นเวลานาน และเมื่อเมื่อคดีหมดอายุความ ก็ย้ายกลับมาอยู่ที่เดิม และลงสมัครเป็น ส.อบต. ชาวบ้านเห็นว่าเคยช่วยงานหมู่บ้านเป็นอย่างดี ส่วนปัญหาในอดีตก็เห็นว่าเป็นเรื่องส่วนตัว ก็เลยให้โอกาสเลือกกลับมาเป็น ส.อบต. เพื่อเป็นตัวแทนของชาวบ้าน แต่พอได้เป็น ส.อบต. แล้ว กลับไม่ค่อยทำงาน เที่ยวไล่ยืมเงินชาวบ้านในพื้นที่ไปทั่ว ทุกครัวเรือนในชุมชนจะถูกบุคคลดังกล่าวหยิบยืมเงินตั้งแต่หลักร้อยบาทไปจนถึงสูงสุด 5 พันบาท บางครั้งก็จะนำบัตร อบต. ไปข่มขู่รีดไถเอาเงินจากชาวบ้านต่างพื้นที่ที่เข้ามาหาปลาในเขตหมู่บ้าน จนมีคนไปแจ้งร้องเรียนที่บ้านผู้ใหญ่บ้านหลายราย ชาวบ้านต่างรู้สึกเอือมระอา เคยมีการเรียกร้องให้ปลดอบต.หญิงคนดังกล่าวให้พ้นจากตำแหน่ง ส.อบต. ทางผู้นำชุมชนจึงนำเรื่องความเดือดร้อนไปปรึกษานายอำเภอเพื่อให้ช่วยเหลือตัดสินปัญหา แต่ทางนายอำเภอก็ให้หมู่บ้านลองพูดคุยหาทางออกกันดูก่อน ตอนแรกทางผู้ถูกร้องเรียนก็ยอมรับความผิดและจะขอลาออกจากตำแหน่งด้วยตนเอง ในวันที่ 7 ก.ค. 65 แต่พอถึงเวลา ส.อบต.หญิงดังกล่าวก็กลับคำไม่ยอมลาออกตามที่เคยให้คำมั่นไว้
ล่าสุด ได้มีแก๊งเงินกู้นอกระบบโทรศัพท์โทรเข้ามาหาชาวบ้าน บอกว่ามีคนไปกู้เงิน โดยใช้สำเนาเอกสารของชาวบ้านไปยื่นขอค้ำประกัน และไม่สามารถติดต่อตัวผู้กู้ได้ จึงมาขู่บังคับเอาเงินกับผู้มีชื่อเป็นผู้ค้ำประกัน จนชาวบ้านซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ เกิดความหวาดกลัวจะถูกทำร้าย จึงพากันไปแจ้งผู้ใหญ่บ้าน
เมื่อผู้นำชุมชนไปสอบถามกับหญิงคนดังกล่าว กลับอ้างว่าไม่ได้เป็นคนกู้เงิน แต่ถูกแฮกเกอร์ดูดข้อมูลที่เก็บไว้ในโทรศัพท์ไปใช้ ไม่ได้กู้เงินตามที่ถูกกล่าวหา แต่ผู้นำและชาวบ้านไม่เชื่อ เพราะเห็นว่าถ้าไม่ได้เงินจริง เจ้าของเงินกู้คงไม่มาตามทวง ในเบื้องต้นทางผู้ใหญ่บ้านจึงได้พาผู้เดือดร้อนจำนวน 4 ราย ไปแจ้งความเป็นหลักฐานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ ส.อบต.คนดังกล่าว แต่ก็ยังมีแก๊งค์เงินกู้ทั้งโทรมาป่วนและมาข่มขู่ถึงบ้าน พบมีผู้เดือดร้อนจากกรณีดังกล่าวประมาณ 10-20 ราย ซึ่งจะได้ทยอยพาไปแจ้งความเพิ่มเติม และอยากให้ช่วยทำข่าวประชาสัมพันธ์เตือนภัยสังคม ไม่ให้มีผู้ตกเป็นเหยื่อจากบุคคลดังกล่าวอีกในอนาคต และอยากเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยหามาตรการมาจัดการกับบุคคลดังกล่าวอย่างเด็ดขาด
