เชียงราย-ชาวบ้านป่าแดดร้องขอความเป็นธรรม หลังนายทุนไล่ซื้อที่ดินและรวมโฉนด ก่อนจะปิดถนนทางเข้าพื้นที่สาธารณะ อ้างเป็นที่ดินส่วนบุคคล
เวลา 11.00 น. วันที่ 22 ม.ค. 66 ชาวบ้านในพื้นที่ ต.ป่าแงะ อ.ป่าแดด จ.เชียงราย นำโดยนายสมชาย ภาคภูมิ กำนันตำบลป่าแงะ นายมงคล เชื้อไทย นายกเทศมนตรีตำบลป่าแงะ พร้อมกับชาวบ้านประมาณ 40-50 คน รวมตัวที่บริเวณถนนสาธารณะเข้าพื้นที่การเกษตรเชื่อมต่อระหว่าง ม.6 ไปถึงบริเวณฝายรำจวญ ม.5 ต.ป่าแงะ รวมระยะทางประมาณ 3 กม. ถูกนายทุนไล่กว้านซื้อที่ดินรวม 100 กว่าไร่ และนำป้ายมาปิดเส้นทางไม่ให้ชาวบ้านใช้สัญจร อ้างเป็นที่ดินส่วนบุคคล หวั่นทรัพย์สินสูญหาย ทำให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน เพราะไม่สามารถเข้าไปในพื้นที่การเกษตรของตนเอง และรวมไปถึงหนองสาธารณะ เนื้อที่กว่า 17 ไร่ ของหมู่บ้านได้
กรณีดังกล่าวสืบเนื่องมาจาก ทางอำเภอป่าแดด ได้รับเรื่องร้องเรียน ว่าเจ้าของที่ดินรายใหม่ได้ปิดเส้นทางสัญจรเข้าออกพื้นที่ทำการเกษตร ซึ่งชาวบ้านเคยใช้เส้นทางนี้เป็นประจำ ตลอดระยะเวลา 20-30 ปี แต่พอมีการซื้อขายที่ดินเปลี่ยนมือกัน เจ้าของที่ดินรายใหม่ ไม่ยอมให้ใช้เส้นทางดังกล่าว โดยอ้างสิทธิ์ครอบครองโฉนดที่ดินตามกฏหมาย ซึ่งที่ดินบริวณดังกล่าว อยู่ในพื้นที่ หมู่ 6 ตำบลป่าแงะ ติดกับแม่น้ำพุง (หนองมะแง่ง) เดิมเป็นที่นาของชาวบ้าน ประมาณ 10-15 แปลง ที่ดินทุกแปลงมีโฉนดถูกต้องต้องตามกฏหมาย รวมประมาณ 100 กว่าไร่ ซึ่งที่ผ่านมาเจ้าของที่ดินเดิม ยินยอมให้บุคคลอื่นหรือชาวนาด้วยกันใช้เป็นเส้นทางเข้า-ออก เพื่อให้รถบรรทุกพีชผลทางการเกษตรวิ่งสัญจร โดยเส้นทางดังกล่าวชาวบ้านได้ร่วมกันพัฒนานำดินลูกรังมาถมเป็นถนน ความยาวประมาณ 400 เมตร กว้างประมาณ 3 เมตร
แต่เมื่อประมาณปี 2558 ชาวบ้านซึ่งมีที่ดินในบริเวณดังกล่าว ได้ขายที่ดินให้กับบุคคลต่างถิ่น และเมื่อต้นปี พ.ศ.2565 เจ้าของที่ดินรายใหม่ได้แสดงความเป็นเจ้าของ และแจ้งให้กับผู้นำหมู่บ้าน ว่าจะปิดเส้นทางดังกล่าว โดยจะเปิดให้สัญจรเฉพาะในเวลากลางวัน อ้างว่าเพื่อเป็นการป้องกันการถูกขโมยทรัพย์สิน โดยอ้างสิทธิว่าถนนอยู่ในเขตที่ดินของตน ตนจึงมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินที่ตนครอบครองตามกฎหมาย จึงเกิดเป็นข้อพิพาทระหว่างชาวบ้านในพื้นที่กับเจ้าของที่ดินรายใหม่ ซึ่งชาวบ้านให้เหตุผลว่าที่ผ่านมาเจ้าของที่ดินรายเดิม ได้อนุญาตให้ชาวบ้านซึ่งมีที่นาอยู่ในบริเวณใกล้เคียง ใช้เป็นเส้นทางผ่านสัญจรเข้าออกเป็นประจำ รวมเวลาประมาญ 20-30 ปี ถนนดังกล่าวก็ควรเป็นทางสาธารณะประโยชน์ที่พลเมืองใช้ร่วมกัน จึงเกิดข้อพิพาทขึ้น อำเภอป่าแดดจึงแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว
ข่าวน่าสนใจ:
นายสมชาย ภาคภูมิ กำนัน ต.ป่าแงะ กล่าวว่า เส้นทางดังกล่าวมีชาวบ้านในพื้นที่ ต.ป่าแงะ ใช้สัญจร เป็นทางลัดจากบ้านสามัคคีไปหาบ้านรำจวญ และอยู่ติดกับหนองมะเแงะ ซึ่งเป็นหนองน้ำสาธารณะในพื้นที่ ในอดีตชาวบ้านได้ระดมทุนนำดินมาถมเป็นถนน และของบจากท้องถิ่นตั้งแต่เมื่อยังเป็นสภาตำบล ก่อนจะยกฐานะเป็นสุขาภิบาล และเทศบาลตามลำดับ เพื่อนำมาสร้างบล๊อกคอนเวิร์สเป็นทางข้ามหนองน้ำสาธารณะ แต่พอนายทุนมาปิดกั้นเส้นทางแบบนี้ชาวบ้านก็ต้องได้รับความเดือดร้อน ไม่สามารถเข้าพื้นที่การเกษตรหรือไปเอาทรายในหนองมะแง่งมาใช้ได้ ก็อยากจะให้นายทุนได้เปิดเส้นทางดังกล่าว
ด้านนายมงคล เชื้อไทย นายกเทศมนตรีตำบลป่าแงะ กล่าวว่า แต่เดิมที่แถวนี้เคยเป็นของชาวบ้าน มีกันคนละ 10-20 ไร่ แต่ได้มีนายทุนมาไล่ซื้อจากชาวบ้าน แต่นายทุนคนก่อนหน้าก็เปิดให้ชาวบ้านผ่านไปมาได้ตามปกติ และยังมีการปรับทางอำนวยความสะดวกให้ชาวบ้านด้วย แต่พอมาตกเป็นของนายทุนคนปัจจุบัน ทราบว่าได้กว้านซื้อที่ดินเพิ่ม รวมแล้วน่าจะมีประมาณ 130-140 ไร่ โดยได้รวมโฉนดและปิดทางสัญจรของชาวบ้าน ทำให้ไม่สามารถเข้าไปหาฟืน หาหน่อ หรือตักทรายในหนองมะแง่งมาใช้ได้เหมือนเคย จึงอยากให้นายทุนได้เปิดเส้นทางให้ชาวบ้านใช้สัญจรเหมือนเดิม เพราะเป็นเส้นทางที่ชาวบ้านเคยให้สัญจรมานานหลายสิบปี
“หลังจากนี้ตนจะให้ทางเจ้าหน้าที่ป่าไม้ได้เข้ามาดูพื้นที่ดังกล่าว โดยเฉพาะที่นายทุนได้ตั้งเสาไฟฟ้าเข้าไปที่บ้าน เพราะคาดว่าอาจจะรุกล้ำเข้าไปในพื้นที่ของหนองมะแง่ง ซึ่งเป็นพื้นที่ นสล. เป็นที่สาธารณะประโยชน์ และจะไปเจรจานายทุนให้ผ่อนปรนให้กับชาวบ้าน หากยังไม่สามารถเจรจากันได้ ชาวบ้านก็อาจจะมาปิดกั้นเส้นทางดังกล่าวไม่ให้นายทุนสัญจรเช่นกัน เพราะทางเข้าออกต้องผ่านที่ดินสาธารณะประโยชน์ของชุมชน
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: