เชียงราย-ทัวร์จีนยางระเบิดพลิกคว่ำโค้งบ้านทุ่งต่างแม่จัน ส่อพิรุธไม่ยอมแสดงพาสปอร์ต-วีซ่า
วันที่ 8 พ.ค.2566 เวลา 11.24 น. กรณีที่อุบัติเหตุรถทัวร์พลิกคว่ำ บริเวณโค้งทุ่งต่าง ตำบลป่าตึง อำเภอแม่จัน จ.เชียงราย ระหว่างเส้นทาง อ.แม่จัน ไป อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ก่อนถึง อ.แม่จันราว 10 กม. ที่เกิดเหตุสภาพรถทัวร์ตะแคงติดดอย ทะเบียน 14-5457 กทม พบล้อหลังด้านขวาระเบิด พบว่าเป็นรถทัวร์นำกลุ่มวัยรุ่นชาวจีนมาจาก อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ มุ่งหน้าเข้าเขต อ.แม่จัน จ.เชียงราย 
นายณัฐศรัณพัชร (สงวนนามสกุล) กู้ภัยแม่จันกล่าวว่า ตอนที่ไปพบที่เกิดเหตุ ได้เห็นกลุ่มตนจีนปีนออกจากรถ มีบางส่วนถือสัมภาระเดินไปทาง อ.แม่จัน ห่างจากรถพลิกคว่ำราว 200 เมตร จึงให้ทางคนจีน ที่อยู่ที่จุดเกิดเหตุให้ติดต่อหาไกด์นำเที่ยว แต่กลับกดสายทิ้ง ดูแล้วแปลกที่ไกด์ไม่รับสาย แล้วไกด์ก็หายไปไหนไม่รู้ ซึ่งต่อมาได้นับจำนวนครั้งแรกมี 27 คน แต่คนขับรถแจ้งมี 30 คน หายไปไหนไม่รู้อีก 3 คน กู้ภัยจึงได้นำรถไปรับวัยรุ่นชาวจีน ที่เดินระหว่างทาง แต่ดูแล้วเหมือนมีการบ่างเบี่ยงที่จะไปด้วย
ซึ่งในเวลาต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่จัน พร้อมด้วย ตำรวจท่องเที่ยวเชียงราย ได้สอบปากคำนายสมบัติ (สงวนนามสกุล) คนขับรถ ตนเองได้รับคำสั่งจากนายสุกิจ ให้มารับกลุ่มวัยรุ่นชาวจีน ที่มูลนิธิแห่งหนึ่งที่ กทม.เมื่อวันที่ 5 ที่ผ่านมา ให้ไปส่งตามที่ต่าง ๆ ซึ่งตนเองก็ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนบาง ตามแต่ไกด์จะบอกให้ไป สุดท้ายให้มาส่งที่สถานธรรมแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.แม่จัน จนรถมาเกิดเหตุยางแตกก่อน ซึ่งตนเองก็ไม่รู้ตารางในการเดินทาง ของกลุ่มวัยรุ่นชาวจีน
ซึ่งในเวลาต่อมาทาง ตร.สภ.แม่จัน ตร.ท่องเที่ยวเชียงราย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองเชียงราย ไปสอบข้อมูลกลุ่มวัยรุ่นชาวจีนทั้งหมดที่ โรงพยาบาลแม่จัน ให้ทั้งหมดแสดงเอกสารในการเดินทางเข้าประเทศ แต่กลุ่มวัยรุ่นชาวจีนอ้างว่า เก็บไว้ในรถทัวร์ที่พลิกค่ำ จึงร้องของให้เจ้าหน้าที่ไปส่งที่รถ ทำให้เจ้าหน้าที่ตั้งข้อสงสัย และดูท่าทีกลุ่มวัยรุ่นชาวจีนมีพิรุธ ไม่ให้ความร่วมมือ อ้างว่าพาสปอร์ต-วีซ่า อยู่ในรถทั้งหมดไม่พกติดตัว ซึ่งส่อพิรุธจึงได้นำตัวชาวจีนทั้งหมด แบ่งออกเป็น หญิง 14 คน ชาย 15 คน คนขับ 1 รวม 30 คน นำขึ้นรถไปสอบเอกสารที่ สภ.แม่จัน อีกครั้ง
กระทั่งไปถึงที่ สภ.แม่จัน พบว่ากลุ่มวัยรุ่นชาวจีน ยอมนำเอกสารที่ติดตัวมา แสดงต่อเจ้าหน้าที่ จึงได้ทำการตรวจสอบ พบเอกสารของแต่ละคน เดินทางมาคนละที่จากประเทศจีน มีเดินทางเข้าออกกัมพูชา-ลาว ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อว่า กลุ่มคนจีนดังกล่าว เข้ามาทำอะไร หรือเข้ามาท่องเที่ยว และทัวร์ดังกล่าว ผิดกฎหมายหรือไม่ ยังอยู่ในระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริง
